ครม. มีมติ "ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว" จังหวัดสีแดงเข้มถึง 31 ส.ค. ตามศบค.เสนอ เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
คณะรัฐมนตรี รับทราบมติ "ศบค." คงมาตรการ "ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว" ออกไปถึง 31 สิงหาคม 2564 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม "พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด" 17 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) มีมติรับทราบตามมติของศบค.ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 ที่เห็นชอบมาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว หรือ ห้ามออกนอกเคหสถาน ช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ในพื้นที่ 29 จังหวัด พื้นที่สีแดงเข้ม ออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้
รวมทั้งเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ชุดตรวจ ATK ใน กทม. และปริมณฑล เน้นให้หน่วยงานรัฐและเอกชนยังทำงานที่บ้าน หรือ Work from home (WFH) และเห็นชอบให้ผ่อนคลายกิจกรรมให้เปิดธนาคาร หรือสถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าได้
ทั้งนี้ มติครม. ที่รับทราบมติศบค.เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 64 ทั้งหมดมีดังนี้
การคงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และตามมาตรการเดิม วันที่ 18 - 31 ส.ค. 2564
การเพิ่มมาตรการ และการจัดการขององค์กร อาทิ การตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม. และปริมณฑล จัดระบบการนำเข้าสู่ "HI CI" หรือรพ.
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังคงเน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานของ ภาครัฐและเอกชน ที่ต้องมาปฏิบัติงาน ขอให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์
เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน
เร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้มีความครอบคลุมของวัคซีนกลุ่มเสี่ยงอย่างน้อย 80% ในกทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50 % ในพื้นที่อื่น
ให้ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีการใช้อย่างทั่วถึง และเน้นย้ำให้ประชาชน ใช้การป้องกันตนเองของประชาชนในทุกกรณี (Universal Prevention) รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ
ปรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด โดยให้เปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าได้
พร้อมทั้งเห็นชอบรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศในการแลกวัคซีนโควิด-19 (AstraZeneca ) ระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย และเห็นชอบการรับมอบ Monoclonal antibody จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี ของบริษัท Regeneron สำหรับการดูแลผู้ป่วยหนัก โดยมีการขึ้นทะเบียน อย.ไทย แล้ว
นอกจากนี้เห็นชอบการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วม Phuket Sandbox เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7 + 7) ประกอบด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ