เจ้าอาวาสยกพื้นที่ปราสาทอโรคยาศาลพันปีเป็นศูนย์พักคอย

16 สิงหาคม 2564 ที่ วัดเทพปราสาท หรือ วัดสระกำแพงน้อย ตำบลขะยูง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นที่ตั้งของปราสาทขอมสมัยเรืองอำนาจ เป็นอโรคยาศาล หรือ โรงพยาบาลของชนเผ่าขอมโบราณ อายุการสร้างตั้งแต่สมัยศัตวรรษที่ 17 หรือราว 1 พันกว่าปี อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร โดยเป็นที่ตั้งของวัดด้วย บริเวณดังกล่าวมีปราสาทขอมที่เป็นอโรคยาศาล มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการรักษาโรคสมัยโบราณ น้ำในบ่อแห่งนี้ไม่เคยแห้งตลอดปีตลอดชาติ 1 ใน บ่อน้ำของประเทศไทย ที่ใช้ในการตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำถวายร่วมประกอบพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ แด่พระเจ้าอยู่หัวฯ มาโดยตลอดทุกพระองค์ 

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิดเป็นจำนวนมาก มีพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ ที่ทำงานยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่เกิดสภาวะเสี่ยง เกิดการว่างงาน จึงขอเดินทางกลับมาพักที่บ้าน แต่ทุกคนจะต้องทำการกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงอย่างน้อย 14 วัน เพื่อการตรวจเฝ้าระวัง หากพบมีการติดเชื้อก็จะต้องเข้ารับการรักษายัง รพ.สนาม และหากอาการหนักก็เข้าโรงพยาบาลหลัก แต่หากไม่มีพบเชื้อก็ต้องกักตัวอยู่ที่ศูนย์พักคอย โดยหลวงพ่อเจ้าอาวาสาวัดสระกำแพงน้อย ก็ได้ยอมให้มอบศาลาวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาท อโรคยาศาล เปิดเป็นศูนย์พักคอย และทุกคนที่มาพักคอยที่ศูนย์นี้ เชื่อว่าบุญบารมีของบรรพบุรุษสมัยขอมโบราณ จะทำให้ตนเองปลอดภัย ไม่ป่วย เพื่อที่นี้คือ โรงพยาบาลขอมสมัยโบราณนับพันปี เป็น อโรคยาศาล นั้นเอง    

พระอาจารย์ บุญบันดาล สุปัญโญ เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงน้อย กล่าวว่า พื้นที่ศาลาวัดแห่งนี้อาตมายกให้เป็นศูนย์กักกันกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นจะติดเชื้อโรคโควิดหรือไม่ติดก่อน โดยทุกคนต้องมากักตัวก่อน ตามหลักการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคนที่จะมาพักคือคนที่อยู่ในเขตตำบลขะยูง โดยคนที่ไปทำงานที่กรุงเทพ ไปทำงานยังต่างจังหวัด หากใครจะเดินทางกลับมาบ้านต้องมากักตัวที่นี่ก่อน ยังไม่ให้เข้าบ้านตนเอง ซึ่งที่ตรงนี้แม้จะอยู่ติดถนนใหญ่ แต่ก็ห่างไกลจากชุมชน ห่างจากหมู่บ้าน ราว 3 กิโลเมตร ซึ่งเฉพาะผู้ที่ไม่ติดเชื้อ แต่หากมาพักกักตัว และตรวจพบว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ก็จะต้องย้ายออกไปอยู่โรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม ตอนนี้มีผู้เข้ามาอยู่ 8 – 9 คน และกำลังทยอยมาเรื่อยๆ ซึ่ง นายก อบต.ขะยูง บอกว่าตอนนี้ 40 -50 คนแล้วที่มาพักกักตัวที่นี่ ซึ่งเพื่อความปลอดภัยของญาติโยมที่จะมาทำบุญที่วัด ก็เลยเปิดทางเข้าออกวัดใหม่ เลยประตูใหญ่ไปอีกราว 200 เมตร วัดได้เปิดประตูตรงกำแพงเจาะช่องไว้ให้เพื่อใครที่จะมาวัดจะได้ไปเข้าทางประตูกำแพงที่เจาะใหม่ พระเองก็ต้องเข้าออกทางประตูใหม่เวลาไปเดินบิณทบาตรเพื่อความปลอดภัยด้วย

โดย - นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์