เปิดประวัติผู้นำอัฟกานิสถานคนใหม่ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มตาลีบัน

มุลเลาะห์ อับดุล กานี บาราดาร์ หรือที่เรียกว่า " มุลเลาะห์ บาราดาร์ อาคุนด์ " หรือ " มุลเลาะห์บราเดอร์ "  ผู้นำกลุ่มตาลีบันในปัจจุบัน เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มตาลีบัน  และเคยเป็นรองผู้นำกลุ่มสมัยที่มุลเลาะห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ ที่ปัจจุบันร่วงลับไปแล้ว เป็นผู้นำ

ตามประวัติ เขาเคยถูกจับในปากีสถานโดยหน่วย Inter-Services Intelligence หรือ ISI ของปากีสถาน และเจ้าหน้าที่หน่วย CIA สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 และต่อมาได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา ก่อนที่ในที่สุด จะส่งนักรบตาลีบันเข้าพิชิตกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศแบบง่ายดาย แบบเจ้าตัวเองก็คาดไม่ถึง

บาราดาร์ เกิดเมื่อปี 2511 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของจังหวัดโอรุซกานของอัฟกานิสถาน เขามาจากเผ่าโปปอลไซ  ในช่วงทศวรรษ 1980 เขาได้ร่วมต่อสู้ในสงครามโซเวียต-อัฟกันในกันดาฮาร์  และทำหน้าที่ในองค์กรมูจาฮิดีนในอัฟกานิสถานเพื่อต่อสู้กับ รัฐบาลอัฟกานิสถานที่โซเวียตหนุนหลัง

ต่อมาเขาได้มาสู้รบในจังหวัดกันดาฮาร์ ร่วมกับโมฮัมหมัด โอมาร์ อดีตผู้นำทางการทหารของเขา ตามรายงานของสื่อตะวันตกระบุว่า โอมาร์และบาราดาร์อาจจะเป็นคู่เขยกัน ผ่านทางการแต่งงานกับพี่น้องที่ เป็นฝ่ายหญิงของอีกฝ่าย และในปี 2537 เขาก็ได้ช่วยโอมาร์จัดตั้งกลุ่มตาลีบันทางใต้ของอัฟกานิสถาน

ในช่วงการปกครองของตาลีบัน ( 2539-2544) เขาดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ที่หลากหลาย ทั้งเป็นผู้ว่าการจังหวัดเฮรัตและนิมรุซ เป็นผู้บัญชาการกองพลของอัฟกานิสถานตะวันตก เอกสารของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่าเขาเป็นอดีตรองเสนาธิการทหารบกและผู้บัญชาการกองทัพกลาง กรุงคาบูล ขณะที่ตำรวจสากลระบุว่าเขาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหมสงครามในอัฟกานิสถาน

หลังสหรัฐอเมริกาบุกอัฟกานิสถาน และขับไล่ตาลีบันปี 2544 บาราดาร์ได้ต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรถาคเหนือที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และตามรายงานของนิวส์วีค "เขากระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์และขับรถพาเพื่อนเก่าของเขาอย่างโอมาร์ไปหลบภัย
ที่ภูเขา" เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 ขณะที่การป้องกันของตาลีบันพังทลาย ส่วนอีกเรื่องหนึ่งบอกว่า กองกำลังอัฟกานิสถานที่สหรัฐสนับสนุนได้จับตัวเขาและตาลีบันคนอื่นๆ ในช่วงเดือนนั้น แต่หน่วยข่าวกรองของปากีสถานได้มาช่วยปล่อยตัวเขา
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งรายงานว่า จริง ๆ แล้วบาราดาร์เป็นคนช่วยชีวิตฮาร์มิด คาร์ไซ เมื่อเขาเข้ามาในอัฟกานิสถานเพื่อสร้างกองกำลังต่อต้านกลุ่มตาลีบัน

เมื่อรัฐบาลอัฟกานิสถานชุดใหม่ถูกจัดตั้งขึ้น โดยมีคาร์ไซเป็นผู้นำชั่วคราวและต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน บาราดาร์ต้องต่อสู้กับกองกำลังระหว่างประเทศและรัฐบาลอัฟกานิสถานที่ตั้งขึ้นใหม่ ผู้บัญชาการกลุ่มตาลีบันหลายคนถูก
สังหารในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดบาราดาร์ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของกลุ่มตาลีบัน โดยบัญชาการมาจาก ปากีสถาน. 

แม้จะมีกิจกรรมทางทหาร บาราดาร์ ก็อยู่เบื้องหลังความพยายามหลายครั้งที่จะเริ่มการเจรจาสันติภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2547 และ 2552 และถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญของข้อตกลงสันติภาพที่มีการเจรจากันอยู่

เดือนกุมภาพันธ์ 2553 เขาถูกจับใกล้เมืองการาจีระหว่างการบุกจู่โจมตีตอนเช้าของเจ้าหน้าที่ปากีสถานและซีไอเอสหรัฐ  เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่าการจับกุมอาจเป็น "จุดเปลี่ยน" ในการต่อสู้กับตาลีบัน  แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนมองว่าการจับเขาเป็น
การปรับเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญของปากีสถาน ขณะที่คนอื่น ๆ อ้างว่าปากีสถานจับเขาก็เพื่อหยุดการเจรจาของเขากับรัฐบาลคาร์ไซ เพื่อที่ปากีสถานจะได้มีที่นั่งบนโต๊ะ เพราะข้อตกลงระหว่างตาลีบันและรัฐบาลคาร์ไซอาจกีดกันปากีสถานจาก
อิทธิพลในอัฟกานิสถาน ส่วนอีกมุมมองหนึ่งเชื่อว่านายพลปากีสถานใช้การจับกุมตาลีบัน ก็เพื่อช่วยขยายอาชีพการงานของตัวเองให้เลยออกไปหลังเกษียณ

มีรายงานว่าก่อนการจับกุม รัฐบาลอัฟกานิสถานกำลังเจรจาลับกับบาราดาร์ และการจับกุมของเขา ก็ทำให้ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซไม่พอใจ และแม้จะมีการกล่าวอ้างซ้ำ ๆ ว่าปากีสถานจะส่งบาราดาร์ไปยังอัฟกานิสถานหากได้รับการร้องขออย่าง
เป็นทางการ และการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของเขากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ  แต่เขาก็ถูกกีดกันออกจากรายชื่อผู้นำตาลีบันที่ปากีสถานมีแผนที่จะปล่อยตัว

เดือนพฤศจิกายน 2555 แกนนำตาลีบัน 9 คน ได้รับการปล่อยตัว แต่ไม่รวมถึงบาราดาร์

เดือนตุลาคม 2561 ปากีสถานได้ปล่อยบาราดาร์ ต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสำนักงานการทูตของตาลีบันในกรุงโดฮา ของกาตาร์ ขณะที่ซัลเมย์ คาลิลซาด ทูตพิเศษวอชิงตันอ้างว่าบาราดาร์ได้รับการปล่อยตัวตามคำร้องขอของสหรัฐ
อเมริกา

เดือนกุมภาพันธ์ 2563 บาราดาร์ ได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการถอนกองกำลังสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานในนามของกลุ่มตาลีบัน  

และก็มีข่าวลือว่าบาราดาร์ อาจจะกลายเป็นประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานหลังจากการโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี