วันนี้ (26 ก.ค.2564) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยเเพร่ข่าวเเละบรรยายภาพว่า "รองโฆษกสำนักงานตำรวจเเห่งชาติเเถลงข่าวว่า พนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555" โดยจากข่าวนี้ มีผู้สื่อข่าวสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงตรวจสอบแล้วพบว่า ข่าวที่มีการเเชร์กันในโลกออนไลน์เป็นข่าวเก่าเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2563 ซึ่ง นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด (รอง อสส.) ขณะนั้น มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ทุกข้อหา
นายประยุทธ บอกว่า ปัจจุบันนี้ ตนในฐานะคณะทำงานเเละเลขานุการฯ ผู้รับผิดชอบคดีนี้ตามคำสั่งของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นประธานคณะทำงาน ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือโคเคนและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งขณะนี้นายวรยุทธ อยู่ระหว่างหลบหนี ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ออกหมายจับไว้แล้ว ขณะนี้อยูในขั้นตอนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามตัวมาให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อไป
ดังนั้น จึงอยากฝากเรื่อง การเเชร์ข่าวในลักษณะดังกล่าวต้องควรให้ความระมัดระวังเพราะอาจกระทบกับหลายหน่วยงานรวมถึงทำให้สังคมเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ.ครั้งที่ 7/2564 โดยมีวาระน่าสนใจเกี่ยวกับผลการสอบสวนวินัย นายเนตร นาคสุข อดีตรอง อสส. กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง
นายพชร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ผ่านมานายเนตรได้ให้ความร่วมมือในการสอบสวน โดยให้ถ้อยคำกับกรรมการชุดนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ กับคณะ ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับรายงานการสอบสวนของอัยการสูงสุด 2 สำนวนที่ได้รับมอบมาจากคณะทำงานที่ได้กลับความเห็นเป็นสั่งฟ้องนายวรยุทธใหม่อีกครั้ง กับสำนวนที่ได้มีการสอบนายเนตร เบื้องต้นที่ได้มีการพิจารณาไว้เเล้ว ส่วนหลักฐานพยานอื่นๆ นายกายสิทธิ์ก็ได้รวบรวมใกล้เสร็จเเล้ว โดยจะมีการขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องที่มีการอ้างว่าเป็นอัยการคนหนึ่งดังกล่าว เพื่อจะได้มีการสอดคล้องกับการสอบสวนของคณะกรรมการ ปปช. ที่ระบุว่ามีการตั้งเรื่อง
เเต่การสอบนายเนตรกับอัยการอีกคนหนึ่งอาจจะต้องเเยก เพราะนายเนตรเป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ในการสั่งคดี ว่าสั่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ เเละสั่งคดีโดยชอบหรือไม่ ส่วนอัยการอีกคนเป็นเรื่องการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของอัยการ ของนายเนตร อาจจะต้องสรุปผลสอบออกมาก่อน โดยตนให้เวลาภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้
ส่วนอัยการที่ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนเรื่องการเปลี่ยนเเปลงความเร็ว จะต้องไปสอบสวนร่วมกับบุคคลอื่นด้วย บทลงโทษก็จะเเตกต่างกัน เป็นคนละส่วน เพราะถ้าไม่เเยกการสอบสวนนายเนตร ก็จะไม่เสร็จสิ้นเสียที เเต่พยายามกำชับนายกายสิทธิ์ เรื่องการสอบอัยการที่มีส่วนเปลี่ยนเเปลงความเร็ว ให้ร่วมมือกับ ป.ป.ช.เพื่อให้ผลสอบรัดกุมมากขึ้น