วันนี้(23 ก.ค. 2564)
2564 มีการแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)
นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 4 จะมีการนำวัคซีนไฟเซอร์ที่ทำการสั่งจองแล้ว 40 ล้านโดส ซึ่งประเทศไทยได้รับบริจาคจากทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่มีนโยบายช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยการบริจาควัคซีน messenger RNA ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์มาอีก 1.5 ล้านโดส ทั้งนี้ประเทศไทยยังได้รับวัคซีนบริจาคจากประเทศญี่ปุ่น Astrazeneca 8 แสนโดสในช่วงที่ผ่านมา และประเทศจีนได้บริจาควัคซีน Sinovac ให้ประเทศไทย 1 ล้านโดส
และในขณะนี้พบว่าแม้ฉีดวัคซีนแล้วแต่ก็อาจติดเชื้อได้ แต่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้มาก การฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถฉีดได้ครบตามเป้าหมายแล้ว 100% เนื่องด้วยวัคซีนในประเทศไทยังคงมีจำกัด ดังนั้นจึงเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงวัย และกลุ่มโรคเรื้อรังก่อน
กรณีการฉีดไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นบูสเตอร์โดส เพื่อกระตุ้นหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการฉีดแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม เกิน 3 เดือน ทำให้ต้องมีการฉีดกระตุ้นอีกครั้ง และต้องไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวกัน อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่ประเทศไทยมีอยู่และไม่ใช่แพลตฟอร์มเชื้อตาย คือแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไวรัสเวคเตอร์ จึงต้องทำการฉีดกระตุ้นให้บุคลากรทางการแพทย์ไปก่อน ไม่สามารถรอจนไฟเซอร์เข้าไทยได้
ทั้งนี้ยืนยันว่าหากวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส เข้าไทยเมื่อไหร่จะใช้วัคซีนทั้ง 2 ชนิดควบคู่กัน สำหรับการจัดสรรการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค เบื้องต้นที่ยื่นให้แก่ ศบค. เพื่ออนุมัติมี 3 กลุ่มหลัก
ข่าว เกวลี ปลัดกอง
ภาพ กระทรวงสาธารณสุข