27 กรกฎาคม 2564 จากกรณีที่มีเอกสารหลุดออกมาว่าจะฉีดบูสเตอร์โดส เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่า วัคซีนไฟเซอร์ ที่จะมาสิ้นเดือนนี้ บุคลากรทางการแพทย์จะได้ฉีดหรือไม่
ล่าสุดในการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า ส่วนใหญ่บุคลากรด้านการแพทย์จะได้รับวัคซีนซิโนแวคครบสองเข็มเป็นระยะเวลาเกิน 3 เดือนแล้ว การใช้วัคซีนบูสเตอร์โดส สามารถเริ่มได้เลย ซึ่งในขณะนี้มีวัคซีนเเอสตร้าเซนเนก้า อยู่ก็สามารถนำมาใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้เลย เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มคนทำงานด่านหน้า และหากในอนาคตมีการนำเข้าวัคซีนชนิดอื่นก็สามารถนำมาจัดสรรฉีดให้กับบุคลากรได้เช่นกัน
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนบริจาคจำนวน 1.5 ล้านโดส ทางคณะกรรมการวิชาการได้ทำข้อเสนอการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาร่วมสนับสนุนกับแผนการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งคือการใช้วัคซีนซิโนแวคร่วมกับวัคซีนเเอสตร้าเซนเนก้าสลับเข็มกับการฉีดบูธตอร์ และการฉีดแอสตราเซนิกา 2 เข็ม ซึ่งต้องดูว่าวัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาสนับสนุนตรงส่วนไหน
โดยข้อเสนอในเบื้องต้นจะเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานด่านหน้าที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อ กลุ่มที่สองคือกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค โดยจะมีการระดมฉีดวัคซีนให้กับในพื้นที่ซึ่งมีการระบาดให้ได้ครอบคลุมก่อน ไม่ได้เป็นการกำหนดว่าวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสจะให้กับกลุ่มใดเป็นพิเศษ แต่จะเข้ามาอยู่ในแผนงานตามปกติของแผนการกระจายวัคซีนอยู่แล้ว
ส่วนของการเพิ่มกลุ่มสตรีมีครรภ์ให้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเข้ารับวัคซีนเนื่องจากสถานการณ์ติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์มีสูงขึ้นและมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ จึงกำหนดให้เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะต้องได้รับวัคซีนในพื้นที่ซึ่งมีการระบาดสูง