ศบค. แย้มอาจต้องปรับมาตรการเข้มขึ้น พร้อมอนุมัติใช้วัคซีนสูตรผสม

แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ว่า จากการรายงานผลการกำกับมาตรการ 5 วัน ที่ผ่านมา  ยังพบการบังคับใช้มาตรการน่าเป็นห่วง ที่ประชุมอาจจำเป็นต้องมีการปรับมาตรการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น อาจจำเป็นต้องมีการปิดกิจการบางอย่าง ทั้งนี้จากการประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการอนุญาตให้เปิดกิจการ กิจกรรมไปถึงเวลา 20.00 น. เพื่อให้ประชาชนมีเวลาเดินทางกลับบ้าน และออกนอกเคหสถานไม่ได้หลังจาก 21.00 น. ในที่ประชุมมีการพิจารณาว่าอาจจะมีการปิดให้มากขึ้นและปิดให้มากที่สุด ซึ่งขอให้ติดตามการรายงานในเร็วๆนี้  ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษามีการทบทวนมาตรการสาธารณสุขเพื่อนำเสนออย่างเร่งด่วน ซึ่งอาจจะมีการปรับมาตรการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นจากนี้

นอกจากนี้ยังมีการหารือการควบคุมการแพร่ระบาด 2 เรื่อง คือ การตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุดโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ปัจจุบันมีการตรวจวันละประมาณ 7-8 หมื่น ยังไม่เพียงพอ จึงมีการอนุญาตให้ใช้ Antigen Test kit ให้ประชาชนเข้าถึงและการตรวจครอบคลุมประชากรมากที่สุด เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อและนำเข้าสู่กระบวนการรักษาให้เร็วที่สุด โดยเน้นย้ำว่าการตรวจ Antigen Test kit เป็นการตรวจง่ายและได้ผลรวดเร็วราคาไม่แพงมากสามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่มีความเป็นห่วงในเรื่องของความแม่นยำ ทั้งนี้ขอเน้นย้ำว่าเมื่อตรวจแล้วผลเป็นบวก ขอประชาชนไปติดต่อที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งจะมีการประเมินความรุนแรงหากจัดอยู่ในกลุ่มสีเขียว จะให้การดูแลแยกกักอยู่ที่บ้าน  หากมีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน จะมีการจัดที่พักคอยในชุมชน โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่

นอกจากนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังเน้นย้ำว่าการอนุญาตให้จำหน่าย  Antigen Test kit ในร้านขายยาส่วนหนึ่งเพื่อให้มีเภสัชกรที่เป็นผู้ดูแลร้านให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับประชาชน และกรณีในการตรวจ  Antigen Test kit ที่เป็นโรงงานสถานประกอบการที่มีบุคลากรเกิน 50 คน โดยกฎหมายจะมีสถานพยาบาลกำกับสถานประกอบการนั้นๆ อยู่แล้ว

ส่วนการดูแลผู้ติดเชื้อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันรวมทั้งทรัพยากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอย่างจำกัด ซึ่งอธิบดีกรมการแพทย์ได้มีการนำเสนอ Home Isolation และ Communication Isolation โดยเน้นย้ำ การแยกกับที่บ้าน ซึ่งมีกลุ่มการแพทย์และโรงเรียนแพทย์ได้มีการศึกษาทดลองการใช้ระบบเรียกกับที่บ้านมาระยะหนึ่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลราชวิถี รามาธิบดีจุฬาลงกรณ์ ศึกษาเกินพันคน  จึงมีรายงานการ สังเกตผู้ป่วยกลุ่มนี้ที่น่าพอใจ ทำให้มั่นใจว่าระบบนี้จะสามารถดูแลประชาชนที่บ้านได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ภาควิชาจิตวิชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเสนอว่าสิ่งสำคัญในการดูแลที่บ้านต้องมีการดูแลประเมินในเรื่องของสุขภาพจิต ผู้ป่วยด้วย ขณะที่ Communication Isolation  ประเมินว่าสามารถทำได้ในกรณีติดเชื้อในชุมชนหรือในโรงงานติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนซึ่งมีสถานที่พร้อมในการจัด

นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงวัคซีนบูสเตอร์ ในสวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค สองเข็ม สามารถอนุญาตให้มีการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า หรือ mRNA ที่จะสามารถนำมาใช้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยที่ประชุมมีข้อสรุปว่าสามารถใช้วัคซีนซิโนแวค เป็นเข็มที่ 1 และใช้แอสตร้าเซเนก้า เข็มที่ 2 โดยที่ประชุมมีมติว่าสามารถใช้สูตรผสมได้  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มีการรับฟังข้อมูลจากหลายหน่วยงาน.