svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

วุ่นแน่! ศาลคุ้มครอง "วิระชัย" ถูกสำรองราชการ หวนนั่งเก้าอี้ "รอง ผบ.ตร."

15 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับ กรณี "จักรทิพย์" สั่งสำรองราชการ "พล.ต.อ.วิระชัย" และคำสั่งนายกฯ ให้พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.จากเรื่องพิพาทคลิปเสียงสนทนายิงรถ "บิ๊กโจ๊ก" โดยวันพรุ่งนี้ "พล.ต.อ.วิระชัย" เตรียมกลับไปทำงานตามตำแหน่งเดิม

เคยตกเป็นข่าวสะเทือนวงการสีกากี เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และร้องทุกข์ดำเนินคดี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งสำรองราชการ จากกรณีดักฟังและเผยแพร่ข้อมูลบทสนทนา

 

ซึ่งเป็นคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เรื่องคดีคนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9) โดย พล.ต.อ.วิระชัย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่ง เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ฟ้องคดี โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 , คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 , นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4

 

โดยคำฟ้องระบุว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค.2563 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ฟ้องคดีสำรองราชการ ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่เป็นผู้มีอำนาจในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ตามนัยมาตรา 51 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.2563

 

และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์รายการเนชั่นทันข่าว เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2563 ว่า เมื่อ พล.ต.อ.วิระชัย ได้รับคำสั่งให้สำรองราชการ จะไม่สามารถเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้

 

ดังนั้น จากเหตุผลที่ได้วินิจฉัยมาตามลำดับ เห็นว่า พฤติการณ์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องดังกล่าว ถือว่ามีสภาพร้ายแรง อันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539

 

รวมถึงกรณีออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการนี้ ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ฉะนั้นการสั่งให้สำรองราชการ จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นของ มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539

 

ซึ่งการออกคำสั่งสำรองราชการ น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 ส.ค.2563 เรื่องให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

 

เบื้องต้นมีเหตุอันสมควร ที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่นตามข้อ 72 วรรค 3 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543

 

ซึ่งผลของคำสั่งศาลปกครองกลาง ทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตามเดิม นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.2563 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น ออกคำสั่งสำรองราชการ เสมือนว่าไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการมาก่อน และเสมือนว่าไม่เคยมีประกาศสำนักนายกมนตรี ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.อ.วิระชัย จะเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเวลา 08.30 น.และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตามเดิม

logoline