ศบค.ไฟเขียวเคอร์ฟิว 10 จว.พื้นที่โควิดระบาดหนัก มีผลวันที่ 12 ก.ค.นี้
ที่ประชุม ศบค.มีมติเคอร์ฟิวพื้นที่ระบาดโควิด 10 จังหวัด ทั้ง กทม.-ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนใต้ โดยมีผลวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.ช่วงแรกบังคับใช้ 14 วัน นอกจากนี้เตรียมตั้งด่านสกัดเดินทางข้ามจังหวัด เริ่มเช้าวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.)
เวลา 16.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงข่าวว่า วันนี้มีหลายหน่วยงานร่วมประชุม เพื่อพูดคุยเรื่องยกระดับการป้องกันมาตรการโควิด หลังจากสถานการณ์ระบาดรายวันยังน่าเป็นห่วง
เบื้องต้นที่ประชุมเห็นสมควรให้ขยายระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นครั้งที่ 13 ออกไปอีก 2 เดือน ถึงวันที่ 30 ก.ย.2564 โดยจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 13 ก.ค.นี้ เพื่อประโยชน์การปฏิบังานของเจ้าหน้าที่ และอำนาจด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้มีหลักคิดเรื่องจำกัดการเคลื่อนย้าย และการรวมกลุ่มของบุคคลเฉพาะพื้นที่ หรือที่เรียกว่า “ล็อกดาวน์” รวมทั้งกำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน หรือ “เคอร์ฟิว” ควบคู่ไปกับการป้องกันโรค
โดยมีการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ดังนี้ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ “สีแดงเข้ม” 10 จังหวัด แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา
พื้นที่ควบคุมสูงสุด “สีแดง” จาก 5 จังหวัด เป็น 24 จังหวัด , พื้นที่ควบคุม “สีส้ม” จาก 9 จังหวัด เป็น 25 จังหวัด , พื้นที่เฝ้าระวังสูง “สีเหลือง” 53 จังหวัด เหลือ 18 จังหวัด , และพื้นที่เฝ้าระวัง “สีเขียว” 0 จังหวัดเท่าเดิม
โดยข้อปฏิบัติแรกที่บังคับใช้ใน 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล คือ 1.จำกัดการเคลื่อนย้าย และการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด โดยกำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เวิร์คฟอร์มโฮมให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชน
ส่วนระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 21.00 -03.00 น. , ร้านสะดวกซื้อ และตลาดโตรุ่ง ปิดเวลา 20.00-04.00 น. , ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคาร สถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
ส่วนร้านจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหาร หรือสุรา หรือเครื่องดื่มภายในร้าน โดยเปิดได้ถึง 20.00 น.
ทั้งนี้มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ที่เสี่ยง ได้แก่ สถานที่นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม ขณะที่สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
นอกจากนี้ ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ที่ไม่ใช่การปฎิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมทางประเพณี
ทั้งนี้ข้อปฏิบัติใน 10 จังหวัด “สีแดงเข้ม" ให้ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 21.00 น.-04.00 น.เว้นเฉพาะกรณีจำเป็น และหรือได้รับอนุญาต เช่น กรณีเจ็บป่วย ต้องไปโรงพยาบาล หรือเป็นบุคลากรทางการแพทย์
โดยมาตรการทั้งหมด จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป โดยให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจะตั้งจุดตรวจจุดสกัดและชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับการดูแลให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และพร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป
หากพบกรณีผู้ฝ่าฝืน ให้บังคับใช้บทลงโทษตาม พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ
