23 มีนาคม 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ผศ.ดร.อาดา รัยมธุรพงษ์ รองอธิการบดีประจําวิทยาเขตขอนแก่น และนายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจําประเทศไทย ร่วมเปิดงานพลังงานสะอาดขับเคลื่อนอนาคต ที่อาคาร 50 ปีเทคนิคไทย-เยอรมัน ขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแก่น พร้อมชมนิทรรศการ"Moving- and Powering The Future พลังงานสะอาดขับเคลื่อนอนาคต"นิทรรศการนี้ได้นําเสนอการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยจากปัจจุบันไปสู่อนาคตที่นําเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ เน้นการลดต้นทุน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพลังงานสีเขียวและการคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน นิทรรศการที่จัดขึ้นได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีการลดการใช้พลังงานจากเยอรมัน และการใช้เทคโนโลยีในประเทศไทย สำหรับนิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการสัญจรที่จัดมาแล้วหลายประเทศ เริ่มที่ประเทศเยอรมัน จีน ไทย เตรียมส่งต่อไปที่ เวียดนาม และรัสเซีย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอนแก่นมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City ในแผนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ที่ต้องการลดมลพิษจากระบบขนส่งมวลชนในเขตเมืองมีทั้งโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา โครงการขอนแก่นซิตี้บัส แผนการเปลี่ยนรถซิตี้บัสรุ่นเก่าจากเครื่องยนต์ดีเซล ให้เป็นรถไมโครบัสไฟฟ้า และโครงการรถตุ๊กตุ๊กอีวีฟู้ดส์เดลิเวอรี่ ซึ่งเป็นรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าพร้อมบริการส่งอาหาร เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางของ เมืองยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ถือเป็นการต่อยอดแนวคิดในการพัฒนาเมืองสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ได้อย่างเต็ม รูปแบบ นอกจาก จ.ขอนแก่นยังมีอีก 3 จังหวัดในภาคอีสานที่มีความพยายามผลักดันให้มีการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ คือ แผงโซลาเซลล์ลอยน้ำ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลำตะคอง จ.นครราชสีมา และการติดตั้งกังหันลม กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ โครงการบ่อทอง วินดี้ฟาร์ม จ.มุกดาหาร ที่ได้ดำเนินการแล้ว
ด้าน ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า ภาคพลังงานของไทย เป็นต้นเหตุการณ์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่าร้อยละ43 ภาคขนส่งกว่า ร้อยละ 27 คิดเป็นสัดส่วนรวมกว่าร้อยละ 70 ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้มองว่าประเทศไทยต้องมีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น การนําเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีอัจฉริยะ มาปรับใช้ก็จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านประสบความสําเร็จ และเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีอัจฉริยะ มาปรับใช้จะทให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการขนส่ง ซึ่งเป็นรากฐานที่สําคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต