นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุนกล่าวว่า ตนจะเร่งตรวจสอบ กองทุนประกันสังคมว่า เหตุใดจึงเกิดความล่าช้า และสร้างเงื่อนไข ให้วุ่นวายในการคืนเงินของผู้ประกันตน เพราะทำให้ประชาชนเห็นว่ายิ่งรัฐบาลนี้อยู่นานมากเท่าไหร่คนไทยก็จะ ติดอันดับมากที่สุดในโลก เช่น เกิดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ซึ่งตนถือว่า ความเหลื่อมล้ำที่รัฐบาลนี้ทำให้เกิดขึ้นคือ อาชญากรทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ทำให้การเข้าถึงโอกาสของประชาชนได้น้อยลงทุกวัน แม้กระทั่งการเรียกร้องให้กองทุนประกันสังคมจ่ายเงินตามสิทธิ์ที่พวกเขาควรได้รับก็ยังเกิดความเหลื่อมล้ำล่าช้าอย่างน่าตกใจ แถมคนคิดวิธีการจ่ายเงินของรัฐบาลตาม ม.33 ของผู้ประกันสังคม โถก็ยังคิดได้โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ห้ามคนมีเงินฝากเกิน 500,000 บาทได้รับสิทธิ์ตรงนี้
อ่านข่าว - ชัดแล้ว! "ม.33 เรารักกัน" จ่ายคนละ 4 พันบาท เริ่มมี.ค.นี้"ผมไม่รู้ว่าใครใช้อะไรคิดหรือสมองส่วนไหนทำงาน เพราะถ้าคนทำประกันตนตามมาตรา 33 เป็นคนอดออม ประหยัดมัธยัสถ์เพียงแค่เดือนละ 2,500 บาท เก็บมา 20 ปีมีเงินเก็บไว้ดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย เกิน 5 แสนบาท ก็จะไม่ได้เงิน ประกันสังคมของเขาตรงนี้ และหากเป็นผมมีเงินเก็บก็ฝาก บัญชีเมีย แต่เมียที่เป็นผู้ประกัน ม.33 กลับไม่ได้ เลยอยากถามว่า รัฐมนตรีคนไหนใช้อะไรคิด" นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า แม้นายสุชาติ ชมกลิ่น "จับกัง 1" จะออกมาบอกว่า เกณฑ์การใช้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังแต่ตนขอฝากบอกไปยังนายสุชาติ ว่าเวลาโดนด่าคนด่าไปที่รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องรับ ชยันโต ม.33 ไปเต็มๆ และแม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับฉายาว่า นักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาบิดาแห่งความเหลื่อมล้ำแล้ว วันนี้ประชาชนยังรู้สึกว่า นอกจากกู้เงินเก่งแล้ว แต่กลับใช้เงินไม่เป็น เพิ่มความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมไทยอีกด้วย ตนจึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีอย่าซ้ำเติมประชาชน ด้วยวิสัยทัศน์เช่นนี้อีกเลยในช่วงภาระโควิดเช่นนี้