โดยล่าสุด นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ท่านได้ส่งโพสต์เสนอทางออกในการรับมือโควิดระลอกใหม่สำหรับประเทศไทยของเราไว้ว่า
"การระบาดระลอก 2 ในประเทศไทยควบคุมยากกว่าการระบาดรอบแรกครั้งนี้แรงงานต่างชาติชาวเมียนมาที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นต้นตอกระจายเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ให้คนไทยการปิดสถานที่และกิจกรรมต่างๆของคนไทยได้ผลน้อยกว่าครั้งที่แล้ว เพราะต้นตอคือแรงงานต่างชาติในจังหวัดสมุทรสาครยังแพร่เชื้อโรคต่อเนื่องให้ชาวเมียนมาด้วยกันแล้วแพร่กระจายต่อให้คนไทยเราเห็นตัวเลขการตรวจเชื้อเชิงรุกของแรงงานชาวเมียนมาในจังหวัดสมุทรสาครพบ 700-800 คนทุกวัน ยิ่งตรวจมาก ตัวเลขติดเชื้อในแรงงานต่างชาติก็ยิ่งพบมากขึ้น
ประเทศไทยมี 2 ทางเลือก
ทางเลือกที่ 1
ต้องตรวจเชิงรุกแรงงานชาวเมียนมาทุกคน อย่างน้อย 3 แสนคน ถ้าพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องกักตัวในโรงพยาบาลสนาม 10-14 วัน จำนวนเตียงขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอต้องเร่งเพิ่มจำนวนเตียงของรพ.สนาม ต้องให้แรงงานชาวเมียนมาหยุดทำงานห้ามเดินทางออกจากที่พัก แต่ให้เงินเดือน ให้อาหาร ให้ยารักษาโรคการตรวจเชิงรุกไม่ใช่ตรวจครั้งเดียว ต้องตรวจหลายครั้ง ค่าตรวจครั้งละ 1,600 บาท วิธีนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาลแน่นอนและการกักตัวไม่ให้แรงงานต่างชาติลักลอบเดินทางออกนอกพื้นที่ก็ทำได้ยาก
ทางเลือกที่ 2
เมื่อมีวัคซีนป้องกันโควิดมาถึงเมืองไทยต้องรีบฉีดแรงงานต่างชาติจังหวัดสมุทรสาครทุกคน งบประมาณในการฉีดวัคซีนจะน้อยกว่าและน่าจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อให้คนไทยได้ดีกว่าวิธีแรกและยังแสดงให้เห็นถึงความมีมนุษยธรรมของคนไทย ไม่ทอดทิ้งพวกเขาเห็นความสำคัญของแรงงานต่างชาติที่มาช่วยแบ่งเบาภาระงานช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยถึงแม้แรงงานต่างชาติทุกคนรวมทั้งคนไทยยกเว้นเด็กและหญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนคนไทยก็ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างกันอีกนาน
แล้วแต่ประเทศไทยจะเลือกวิธีไหน