
แอมโมเนีย (Ammonia) มีสูตรทางเคมี คือ NH3 เป็นสารที่ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน ซึ่งคนเราสามารถสัมผัสกลิ่นแอมโมเนียได้หากมีความเข้มข้นมากกว่า 5 ppm ถ้าหายใจเข้าไปเพียงเล็กน้อยจะทำให้น้ำตาไหล ออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจอย่างแรงทำให้เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้ง่าย แต่แอมโมเนียก็ถือว่าเป็นสารเคมีที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม
ทางด้านภาคเกษตรกรรม แอมโมเนียส่วนใหญ่ประมาณ 85 % ถูกนำไปใช้ในการผลิตปุ๋ย โดยเฉพาะใช้ผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต (ammonium nitrate) และปุ๋ยยูเรีย (urea) ส่วนภาคอุตสาหกรรมใช้เป็นสารทำความเย็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมห้องเย็น โรงงานทำน้ำแข็ง และห้องแช่แข็ง แอมโมเนียทำปฏิกิริยากับ cyclohexanone ได้สารคาโปรแลกตัม (caprolactam) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำเส้นใยไนลอน (nylon) ใช้แอมโมเนียเป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมการผลิตกรดไนตริก (Nitric acid) ใช้ใน อุตสาหกรรมชุบแข็งและเคลือบผิวโลหะ โดยการทำให้แอมโมเนียแตกตัวทื่อุณหภูมิประมาณ 400-500 องศาเซลเซียส เพื่อให้สารไนโตรเจนเข้าไปอยู่ในโมเลกุลของโลหะ ทำให้โลหะมีคุณสมบัติแข็งขึ้นและลื่น เหมาะสมสำหรับใช้ทำชิ้นส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ
สำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมน้ำยางเข้มข้น (concentrate latex) โดยแอมโมเนียช่วยป้องกันการแข็งตัวของน้ำยางและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และสารคเลือบผิวจอภาพ นอกจากนี้แอมโมเนียยังมีการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างวัตถุระเบิด เช่น Tri Nitrotoluene (TNT), Nitro Cellulose Nitroglycerin และ Ammonium nitrate
มาทำความรู้จักพิษของแอมโมเนียที่มีผลต่อสุขภาพมนุษย์ ความร้ายกาจของก๊าซตัวนี้สามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แอมโมเนียมีฤทธิ์กัดกร่อน และทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังที่สัมผัส-หากสูดดมเพียงเล็กน้อยจะทำให้น้ำตาไหล-หากสูดดมมากจะออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ เสี่ยงต่อหัวใจวายได้ง่าย-การสูดดมเข้าระบบทางเดินหายใจจะทำให้เกิดการระคายเคืองเนื้อเยื่อ มีอาการแสบร้อน-การสัมผัสกับแอมโมเนียเข้มข้นทำให้เกิดเวียนศีรษะ ตาลาย และเกิดอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง
นอกจากนั้นแอมโมเนียยังเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม หากลงสู่แหล่งน้ำจะทำให้ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของน้ำสูงขึ้น ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (DO) ลดลง ห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง หรือหากมีการปนเปื้อนในอากาศ จะเปลี่ยนเป็นสารประกอบกลุ่มไนโตรเจน NOx และละอองไอแอมโมเนียมีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะได้
ส่วนพิษแอมโมเนียต่อสัตว์ และสัตว์น้ำจะเกิดจากการย่อยสลายอินทรีย์ไนโตรเจน ปุ๋ย และเศษอาหาร จนกลายเป็นแอมโมเนียอิสระ (NH3) และแอมโมเนียไอออน (NH4+) เรียกว่า Ammonification ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตแอมโมเนียในแหล่งน้ำ โดยปกติ แอมโมเนียในน้ำ จะหมายถึง แอมโมเนียทั้งหมด (Total Ammonia) คือ ผลรวมของแอมโมเนียอิสระ (NH3) และแอมโมเนียไอออน (NH4+)
สำหรับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลในการปฏิบัติงานกับแอมโมเนียจะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล คือ ถุงมือ รองเท้าบูธ ชุดกันสารเคมีที่ทำจากวัสดุยางบิวทิลและเทฟลอน แว่นนิรภัยหรือที่ครอบตาเพื่อป้องกันแอมโมเนียกระเด็นเข้าตา (air purify) สำหรับใช้กับก๊าซแอมโมเนียโดยเฉพาะ (แถบสีเขียว) แบบครึ่งหน้าสำหรับความเข้มข้นไม่เกิน 500 ppm แบบเต็มหน้าสำหรับความเข้มข้นไม่เกิน 2,500 ppm หากเกินกว่านี้หรือกรณีฉุกเฉินให้ใช้ชุดช่วยหายใจชนิด SCBA
เห็นแล้วว่าแอมโมเนียมีอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมฉะนั้นทางภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมหรือคนที่ต้องเผชิญกับก๊าซตัวนี้ควรจะป้องกันและหลีกเลี่ยงให้ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก-ดร. ปิยาณี ตั้งทองทวี สำนักงานควบคุมวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ปีที่ 30 ฉบับที่ 172-กฤษณา ภูริกิตติชัย (2554). คู่มือการจัดการความปลอดภัยแอมโมเนียในอุตสาหกรรมผลิตน้ำแข็ง-นันทิยา หาญศุภลักษณ์ (2549). การประเมินผลกระทบของอุบัติเหตุ แอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานในโรงงานผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กรณีวาล์วระบายความดันทำงานบกพร่อง-ณัฏฐชัย ศิริพงษ์ (2546). การติดตั้งท่อแอมโมเนียและท่อโปรพิเลนไกลโคลในระบบการทำความเย็น กรณีศึกษา ณ สถานที่ก่อสร้างของบริษัท ซี.เอฟ.พี. จำกัด- พรลภัสส์ กลับสมบูรณ์ (2555). การกำจัดแอมโมเนียในอากาศด้วยกระบวนการกรองชีวภาพ
ขอบคุณภาพประกอบจาก สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน