นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการต่อไปของอาคารหลังนี้ได้มอบหมายให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ออกหนังสือคำสั่งรื้อถอนอาคารภายในวันที่21สิงหาคม จากนั้นในวันจันทร์ที่24สิงหาคม ให้เจ้าพนักงานของ อบต.พันท้ายนรสิงห์ (นายก อบต.) เรียกเจ้าของอาคารมารับทราบหนังสือคำสั่งรื้อถอนเพื่อให้เจ้าของอาคารเร่งหาวิศวกรประเมินงาน กับผู้รับเหมาจัดทำออกแบบพร้อมนำเสนอแผนการรื้อให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ทราบ เพื่อให้ความเห็นชอบในการรื้อถอนต่อไป ส่วนการรื้อถอนจะมีขึ้นเมื่อไหร่และใช้ระยะเวลารื้อถอนภายในกี่วันนั้น ต้องเป็นไปภายหลังจากที่มีการเสนอแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้รองผู้ว่าฯ ราชการจังหวัดสมุทรสาครได้กำชับต่อทาง อบต.พันท้ายนรสิงห์ว่า แบบที่รื้อถอนนั้น นอกจากจะต้องสร้างความปลอดภัยต่ออาคารหรือบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงแล้ว ยังควรที่จะต้องสามารถให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปนำทรัพย์สินของผู้เช่าอาศัย ที่ยังคงติดค้างอยู่ภ
ายในออกมาได้ด้วย
ส่วนสาเหตุของการทรุดตัวนั้น จากการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ และข้อสรุปของสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคารฯ บ่งชี้ว่า สาเหตุไม่น่าจะมาจากเรื่องของการก่อสร้าง แต่เกิดจาก การวิบัติของฐานราก คือ จากข้อเท็จจริงพบว่า ฐานรากบริเวณด้านหลัง ของอาคาร ซึ่งอยู่ติดกับแอ่งน้ำ เกิดการทรุดตัวอย่างทันทีทันใด ทำให้เกิดการดึงรั้งของโครงสร้างอาคาร บริเวณด้านหน้า ส่งผลให้ฐานรากอาคารส่วนที่เหลือทรุดตัวลงมาทั้งหมด ส่วนการวิบัติของฐานรากจะเกิดจากอะไรนั้น ก็ต้องทำการตรวจสอบต่อไปหลังจากที่รื้อถอนอาคารแล้ว