แฉเครือข่าย "เสี่ย ก." วิ่งเต้นล็อกสเปกโครงการ CCTV ทั่วไทย
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
กลุ่มธรรมาภิบาลยื่นร้องเรียนนายกฯ ตรวจสอบ "กลุ่มเสี่ย ก." แอบอ้างชื่อ "บิ๊กป้อม" วิ่งเต้นล็อกสเปกโครงการติดตั้งกล้อง CCTV ในหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ ล่าสุดทีมข่าวเนชั่นทีวีได้ข้อมูลหน่วยงานรัฐและอปท. ที่อนุมัติโครงการให้บริษัทเครือข่าย "เสี่ย ก." รวมวงเงินกว่า 700 ล้านบาท
โครงการติดตั้งและวางระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศ ตามนโยบายSmart Cityของรัฐบาล ที่มี"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เริ่มต้นเมื่อช่วงเดือน ก.ย. 2559 ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 196/2559 โดยมีวัตถุประสงค์ให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยมีกล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพใช้ เพื่อลดพื้นที่เสี่ยง ยกระดับสู่สังคมปลอดภัย
แต่หลังจากโครงการนี้เดินหน้าได้ไม่นาน กลับโดนร้องเรียนให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับระบบจัดซื้อจัดจ้าง และการประมูลโครงการว่า มีการล็อกสเปกงานติดตั้งกล้องCCTVเพื่อให้บริษัทเอกชนเครือข่ายของ"เสี่ย ก."ได้ประมูลงานแต่เพียงผู้เดียว โดยมีการแอบอ้างชื่อ"บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเพื่อตัดคู่แข่งทางการค้า
ทีมข่าวเนชั่นทีวี พบข้อมูลว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานรัฐ ที่อนุมัติโครงการให้กับบริษัทเครือข่ายของ"เสี่ย ก."แล้วทั้งสิ้น 11 โครงการ ทั้ง อบต. อบจ. และเทศบาลต่างๆทั่วประเทศ แบ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง จำนวน 4 โครงการ งบประมาณ 226.9 ล้านบาท,พื้นที่จังหวัดภาคใต้ จำนวน 3 โครงการ งบประมาณ329.7 ล้านบาท,พื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 2 โครงการ งบประมาณ56.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานรัฐ อีก 2 แห่ง ที่อนุมัติงบไปแล้ว 89 ล้านบาท แบ่งเป็นระดับส่วนกลาง 1 แห่ง งบประมาณ 59.4 ล้านบาท และระดับภูธร 1 แห่ง งบประมาณ 29.9 ล้านบาท รวมวงเงินงบประมาณที่หน่วยงานรัฐไทยอนุมัติให้บริษัทเครือข่าย"เสี่ยก."ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 700 ล้านบาท
ส่วนพฤติการณ์ที่เข้าข่ายล็อกสเปกของบริษัทเครือข่าย"เสี่ยก."ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทติดตั้งกล้องCCTVแห่งหนึ่งของประเทศไทย เริ่มจากอ้างตนว่าเป็นผู้ประสานงานของผู้ใหญ่ในรัฐบาล เข้าไปติดต่อหน่วยงานรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีแผนและงบประมาณติดตั้งกล้องวงจรปิดจากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน เพื่อวางสเปกอุปกรณ์กล้องวงจรปิดไว้ล่วงหน้า ทั้งที่อุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพ และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ แต่บริษัทเครือข่ายของ"เสี่ย ก."กลับได้งานเป็นคู่สัญญาในหลายโครงการทั่วประเทศ
ข้อมูลความผิดปกติทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบแล้ว ต่อไปคงถึงคิวสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เดินหน้าตรวจสอบการส่งมอบงานทุกโครงการของบริษัทเครือข่าย"เสี่ย ก."ที่ทำมาแล้วกว่า 20 โครงการว่า ตรงตามทีโออาร์และมีการล็อกสเปกตามข้อร้องเรียนหรือไม่
