กรณีการระบาดแบบกลุ่มก้อนล่าสุดในเกาหลีใต้นั้นเกิดขึ้นที่นี่ครับที่สถานบันเทิงหลายแห่ง
ในย่านอิแทวอนซึ่งตั้งอยู่ในเขตยงซานใจกลางกรุงโซลโดยย่านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่มักคราคร่ำไปด้วยนักเที่ยวทั้งชาวเกาหลีใต้และชาวต่างชาติมีสถานบันเทิงประเภทผับ คลับ และบาร์กว่าสิบแห่ง และเป็นที่ทราบกันด้วยว่าสถานบันเทิงหลายแห่งในย่านนี้ มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มหลากหลายทางเพศ
สถานบันเทิงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สุมเสี่ยงต่อการระบาดของโรคโควิด-19มากที่สุด เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้หลังจากพบผู้ติดเชื้อคนแรกในย่านอิแทวอน ทางการเกาหลีใต้ก็เร่งติดตามตัวผู้ที่มีความเสี่ยงทันที
จนถึงตอนนี้รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์ว่ามีเกือบ11,000คนที่อยู่ในย่านอีแทวอนในช่วงเวลาที่เกิดการระบาด คือตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ในจำนวนนี้กว่า5,500คนเดินทางไปยังสถานบันเทิงทั้ง5แห่งที่ผู้ติดเชื้อคนแรกไปเที่ยว
ปรากฏว่าจากการทดสอบหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงราว2หมื่นคน ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนจากย่านอิแทวอนแล้วอย่างน้อย 119 คน นับเป็นการระบาดแบบกลุ่มก้อนที่ใหญ่ที่สุดของ
กรุงโซล แต่ผู้ติดเชื้อนั้นกระจายอยู่ทั่วประเทศ คือหลายคนเดินทางมาเที่ยวแล้วก็เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตัวเองแล้วพบว่าติดเชื้อภายหลัง โดยประมาณ90เปอร์เซ็นต์ของ
ผู้ติดเชื้อเป็นเพสชาย ส่วนใหญ่อายุอยู่ในช่วง20-40ปี และราว1ใน3ไม่แสดงอาการ
แต่สิ่งที่น่าวิตกก็คือ ขณะนี้เริ่มพบผู้ติดเชื้อโควิด-19ในสถานบันเทิงแห่งอื่นๆ ในย่านอิแทวอนนอกเหนือจาก5แห่งที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้ด้วย นั่นก็หมายความว่า ชายวัย29ปีที่เชื่อว่าเป็นผู้ติดเชื้อคนแรกก็อาจจะไม่ได้เป็นคนแรกจริงๆ และทำให้ภารกิจการค้นหากลุ่มเสี่ยงต้องขยายวงกว้างยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเบื้องต้นทางการกรุงโซลได้สั่งปิดสถานบันเทิงทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กลายเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของกรณีนี้ก็คือ สังคม
เกาหลีใต้ยังไม่ให้การยอมรับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ปรากฏว่าหลังจากมีข่าวการระบาดเผยแพร่ออกไป ในโลกออนไลน์ก็เริ่มมีการโพสต์วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มLGBTว่ากำลังเป็นต้นตอทำให้เกาหลีใต้ต้องเจอกับการระบาดของเชื้อโควิด-19ในวงกว้างอีก ทำให้กลุ่มคนหลากหลายทางเพศกลัวว่า หากตัวเองยอมเปิดเผยตัวไปตรวจหาเชื้อแล้ว จะมีคนเอาข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาไปเผยแพร่หรือไม่ และอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานอย่างร้ายแรงตามมา
ด้วยเหตุนี้ทางนายกเทศมนตรีกรุงโซลจึงออกมาย้ำว่า ทางการจะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคนอย่างเต็มที่ ขณะที่องค์กรด้านสิทธิของกลุ่มLGBTก็เรียกร้องสื่อท้องถิ่นว่า อย่าไปขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของผู้ติดเชื้อมากจนเกินไป
ขณะเดียวกันทางการก็แนะนำให้ประชาชนบันทึกข้อมูลตำแหน่งของตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นแผนที่เพื่อที่จะได้ตรวจสอบได้ทันทีว่าเราเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงมาหรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีแนวการตรวจหาเชื้อแบบนิรนาม นั่นคือ การตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ที่ไม่ต้องการเปิดเผยตน โดยบอกแค่เพียงหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อมูลชื่อและนามสกุล ปรากฏว่า มีกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพราะมาตรการนี้
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีมุน แจ-อินกล่าวว่า เกาหลีใต้กำลังทำสงครามยืดเยื้อกับเชื้อโควิด-19 โดยการระบาดแบบกลุ่มก้อนล่าสุดแสดงให้เห็นแล้วว่าเชื้อไวรัสสามารถกลับมาระบาดในวงกว้างได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นผู้นำเกาหลีใต้จึงย้ำว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ แต่ในขณะเดียวกันก็ห้ามการ์ดตกเด็ดขาด กรณีการระบาดแบบกลุ่มก้อนในสถานบันเทิงแบบนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้ว และอาจกลับมาเกิดขึ้นอีกได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นคนไทยเองก็ห้ามการ์ดตกเช่นกัน