
จากข้อความที่ทาง ห้างแม็คโคร ชี้แจงระบุใจความว่า "เนื่องจากตามประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นวันแรกที่มีการอนุญาตให้มีการเริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบางจังหวัด จึงทำให้มีลูกค้า ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านอาหาร รวมทั้ง ผู้บริโภคทั่วไป ที่มีความต้องการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาใช้บริการที่สาขาของแม็คโคร เป็นจำนวนมาก"
ซึ่งทางบริษัทฯ ได้เตรียมจัดระเบียบในการจำหน่าย พร้อมทั้งจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอ ต่อความต้องการของลูกค้า เนื่องจากมีปริมาณลูกเป็นจำนวนมาก จึงอาจเกิดความไม่เป็นระเบียบในช่วงแรกของ การเปิดขายสินค้า ในบางสาขา ดังที่ปรากฏในสื่อต่างๆในวันนี้ (3 พ.ค.63) ทางบริษัท จึงขอเรียนชี้แจงให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่า เราจะดำเนินการอย่างสุดความสามารถ เพื่อจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ต้องกังวลหรือซื้อสินค้าสำรองไว้ มากเกินความจำเป็นแต่อย่างใดทั้งนี้ แม็คโครขอความร่วมมือลูกค้าทุกท่าน ในการรักษาระยะห่างทางสังคม อย่างน้อย 1 เมตร เมื่ออยู่ภายในบริเวณสาขา รวมทั้งบริเวณจุดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย โดยเรายืนยันที่จะยังคงมาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัยที่เข้มงวด เพื่อดูแลลูกค้า และพนักวานอย่างเต็มที่เช่นเดิม โดยกำหนดให้ทุกคนที่จะเข้าไปในบริเวณของสาขา จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทั้งสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในอาคารและเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อทุกจุดที่มี การสัมผัสบ่อยๆ และการรักษาระยะห่างทางสังคม ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น
บริษทัฯ จึงขอเรียนชี้แจงมา ณ โอกาสนี้ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากลูกค้าผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ให้ปฏิบัติตามมาตรการคัดกรองของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนและสังคมโดยรวม
โดยจากรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ออกข้อกำหนด ฉบับที่ 4 ให้บรรดาประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ และกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนหน้านี้ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะมีข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป
ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศดำเนินการตามข้อกำหนด หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมถึง "คำสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" ซึ่งเดิมจะหมดอายุวันที่ 30 เม.ย.2563 ด้วย ส่งผลให้คำสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลบังคับใช้ต่อไปถึง 31 พ.ค. 2563 ตามการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และขายเคอร์ฟิวออกไปอีก 1 เดือนด้วย เว้นแต่จะมีคำสั่งเป็นเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ประเด็นคำสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกจับตาจากประชาชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต เอเย่นต์ ร้านค้า รวมทั้งกลุ่มนักดื่ม ส่วนใหญ่คาดหมายว่ารัฐบาลจะทยอยปลดล็อกยกเลิกคำสั่งห้ามขายเหล้า เบียร์ ประกอบกับมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า หลังคำสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สิ้นสุดลงวันที่ 30 เม.ย.2563 จะมีช่องว่างให้สามารถซื้อขายได้วันที่ 1-2 พ.ค. 63 แต่ผลที่ออกมาไม่ได้เปิดช่องว่างให้ ซื้อ-ขายอย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว ยังอาจจะช่วยเปิดช่องให้ เอเย่นต์ ร้านค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่แอบขายเหล้า เบียร์ ในช่วงที่รัฐบาลมีคำสั่งห้าม มีการโก่งราคาขายเหล้าเบียร์ให้กับกลุ่มนักดื่ม "เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว"ได้อีกทางหนึ่ง
ล่าสุด มีกระแสข่าวออกมา ได้มีผู้ร้องเรียนว่า ราคาขายเบียร์ช้างขวดแก้วขนาดลังละ 1 โหล จากก่อนหน้านี้ลังละ 700 บาท พุ่งขึ้นเป็น 950 บาท เบียร์ลีโอ ลังละ 700 บาท พุ่งขึ้นเป็น 1,150 บาท ส่วนเบียร์สิงห์ ราคาพุ่งขึ้นเป็นลังละ 1,250 บาท
ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีอีกหลายๆ จังหวัด ที่ทางผู้ว่าฯ และจังหวัดนั้นๆ พร้อมใจขอขยายเวลาในช่วงที่ของดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนและเพื่อร่วมขานรับนโยบายของภาครัฐต่อไปอีก 30 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการอาจจะเกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิด การรวมกลุ่ม และการสัมผัสที่อาจจะเกิดจากการอยู่ในที่ใกล้ๆ กันมากเกินไป อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีการรักษาระยะห่างทางสังคม ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด ในการขอความร่วมมือกับทางประชาชนทุกฝ่าย