"นวดแผนไทย" ที่มีต้นกำเนิดในอินเดีย และยึดถือปฏิบัติในประเทศไทยมานานหลายศตวรรษ ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ในฐานะ "มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม" หรือ "มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้"
ตัวแทนประเทศไทยได้กล่าวในที่ประชุมยูเนสโก ที่กรุงโบโกตาของโคลอมเบียว่า การขึ้นทะเบียนนวดแผนไทยเป็นมรดกโลกที่จับต้องไม่ได้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ มันช่วยส่งเสริมการนวดแผนไทยทั้งในและต่างประเทศ
นวดแผนไทย ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดโรงเรียนสอนหลักสูตรหัตถศาสตร์ หรือ นวดแผนโบราณ ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ เมื่อปี 2505
ปัจจุบัน ธุรกิจนวดแผนไทย มีตั้งแต่สปาหรูในกรุงเทพฯ ชายหาดในภูเก็ต ไปจนถึงร้านริมถนนขนาดเล็ก ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งการนวดหลังคลายเส้นมีค่าใช้จ่ายแค่ 5 ดอลลาร์ หรือ 150 บาทเท่านั้น
เชื่อว่าแพทย์และพระสงฆ์เป็นผู้นำวิธีการนวดมาสู่ประเทศไทยเมื่อ 2,500 ปีก่อน และความลับนี้ได้ส่งผ่านจากอาจารย์สู่ศิษย์ ก่อนขยายไปในสมาชิกในครอบครัว ในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการจารึกความรู้ลงบนก้อนหินของวัดโพธิ์ และนับตั้งแต่เปิดโรงเรียน เมื่อปี 2505 ก็มีผู้สนใจมาเรียนนวดมากกว่า 2 แสนคน จาก 145 ประเทศ