ทั้งนี้ เบื้องต้นได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผลักดันให้เป็นวาระหลักที่ต้องเร่งดำเนินการให้การสนับสนุนส่งเสริม เพิ่มพูนทักษะ ความรู้ด้านการจัดการร้านค้าและให้การช่วยเหลือด้านอื่นๆ อย่างเต็มที่ซึ่งไม่เพียงแต่จะสอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้นแต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนการใช้เงินในระดับภูมิภาคขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองกับสังคมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
"ปัญหาส่วนใหญ่ของร้านโชวห่วยคือ ไม่มีระบบการบริหารจัดการร้านค้าที่ดีการจัดร้านไม่เป็นระเบียบทำให้ลูกค้าหาสินค้าลำบาก ไม่มีระบบการตรวจเช็คสต็อกสินค้าทำให้บางครั้งสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายมีมากเกินความจำเป็นหรือสินค้าหมดอายุและที่สำคัญ คือไม่สามารถจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าในร้านได้ โดยหลังจากที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นร้านสมาร์ทโชวห่วยที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านค้าทำให้ยอดขายในร้านเพิ่มขึ้นต่อเดือนประมาณ 10-15% ลูกค้าหาสินค้าได้ง่ายมากขึ้นบริหารสต็อกสินค้าเป็นระเบียบมากขึ้น อีกทั้งได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์รายใหญ่ในการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เช่น ซื้อ 1 แถม1 หรือ ซื้อสินค้าครบ 99 บาท แถมกระเป๋า ฯลฯ เป็นต้นทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าในร้านเพิ่มมากขึ้น"
นอกจากนี้ จะหามาตรการสนับสนุนส่งเสริมร้านค้าปลีกค้าส่งโดยให้เน้นความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมชัดเจนเกิดภาคีเครือข่ายธุรกิจและสามารถผลักดันให้ธุรกิจโชวห่วยก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ในรูปแบบ "จับมือพันธมิตรติดปีกโชวห่วยไทย" พร้อมให้เร่งดำเนินการผลักดันร้านโชว์ห่วยเป็นสมาร์ทโชวห่วยโดยมั่นใจว่าภายในปี 2563 นี้ จะสามารถดำเนินการให้ครบ 10,000 แห่ง อย่างแน่นอนซึ่งจะให้ทำให้ร้านโชวห่วยมีความแข็งแกร่ง และอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนาน