สรุปปมพิรุธ โจรงัดบ้านนักธุรกิจ กวาดทรัพย์ 40 ล้านเกลี้ยง เชื่อคนในมีเอี่ยว

เปิดข้อมูลคดีลักทรัพย์ปริศนา โจรแสบเข้าไปยกเค้าบ้าน นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กวาดทรัพย์สินมีค่าทั้งเงินสด ทองคำ เครื่องเพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 40 ล้าน หลบหนีอย่างลอยนวล ซ้ำยังทำการแอบเปลี่ยนกุญแจลิ้นชักหวังตบตา ขณะกล้องวงจรปิดในบ้าน 16 ตัวและพื้นที่ใกล้เคียงพัง 

เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ปัญญาพล ศรีเมฆ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งมีเหตุลักทรัพย์ บ้านหลังหนึ่งใน ต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนสองชั้น พบกับ นางวิรัลพัชร (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อดัง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ยืนรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่

  อำพรางที่เกิดเหตุ ฉกทรัพย์สิน 40 ล้านบาท  
นางวิรัลพัชร ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ หลังจากที่ไปอยู่บ้านพักเมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมามี นางสาวอัญชลี (สงวนนามสกุล) ลูกสาว อายุ 47 ปี และนายมานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ลูกเขย อยู่บ้านหัลงเกิดเหตุ แต่ขระเกิดเหตุเดินทางไปต่างประเทศเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เพิ่งกลับและไปรับตนมาจากเชียงใหม่

เมื่อเดินทางมาถึงบ้านที่เพชรบุรี เดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นบนของตัวบ้าน ที่ปกติประตูห้องนอนจะไม่ได้ล๊อกกุญแจ โดยจะมีแม่บ้านเดินเข้าออกเพื่อทำความสะอาดในห้องเป็นประจำ สังเกตเห็นลิ้นชักตู้ที่อยู่นอกห้องนอน มีลูกกุญแจที่เป็นลูกกุญแจใหม่ ไม่ใช่กุญแจเก่าที่ตนใช้คล้องลิ้นชักไว้ จึงได้ทุบกุญแจลิ้นชักออกดู

จากนั้นพบว่า เงินสดที่อยู่ในลิ้นชัก จำนวน 5 แสนบาท ใส่ในถุงกระดาษของธนาคารถูกขโมยไป แต่คนร้ายเอาถุงกระดาษใส่เงินวางใส่ไว้ในลิ้นชัก และทองคำ น้ำหนักประมาณ 30 บาท ที่อยู่ในถุงผ้า คนร้ายเอาทองไปทั้งหมด โดยทิ้งกระเป๋าใส่ทองไว้ให้ดูต่างหน้า 

นางวิรัลพัชร จึงรีบเข้าไปในห้องนอนเพื่อหาลูกกุญแจ ลิ้นชักที่อยู่ในตู้กระจกในห้องนอน แต่หาลูกกุญแจตู้ไม่เจอ และสังเกตเห็นว่าลิ้นชักตู้ภายในห้องนอน มี 2 ลิ้นชัก ถูกเปลี่ยนลูกกุญแจที่ใช้สำหรับล็อกทั้งสองลิ้นชัก จึงไปเรียกลูกสาวให้มาดูว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จนพบว่าที่ลิ้นชักมีร่องรอยการถูกงัดและมีร่องรอยคล้ายกับของมีคมฟัน ส่วนลูกกุญแจถูกเปลี่ยนทั้งสองลูกและล็อกปิดสนิท 

สำหรับภายในลิ้นชักมีทรัพย์สินเป็นเงินสด 1 ล้านบาท ที่ใส่อยู่ในซองของธนาคาร แหวนเพชรประมาณ 20 วง มูลค่าวงละกว่า 1 ล้านบาท รวมราคาประมาณ 20 ล้านบาท ทองคำรูปพรรณรวมกว่า 50 บาท มูลค่าประมาณ 2,100,000 เม็ดหยก 7 เม็ด รวมมูลค่าประมาณ 1,890,000 บาท สร้อยเพชร 7 เส้น รวมมูลค่าราคาประมาณ 14 ล้านบาท พระเครื่องเลี่ยมทอง ซึ่งรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยรวมประมาณกว่า 40 ล้านบาท จากนั้นโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี หลังจากเก็บรายละเอียดและร่องรอยของคนร้ายแล้ว ได้ทำการตัดลูกกุญแจลิ้นชักทั้งสองลิ้นชักออกเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินมีค่าว่าสูญหายหรือไม่ ซึ่งปรากฎว่าพอเปิดลิ้นชักพบกล่องที่ใส่เครื่องเพชร เครื่องทอง วางอยู่ในลิ้นชักในลักษณะเดิม แต่ในกล่องทรัพย์สินมีค่าสูญหายทั้งหมด มีเพียงบางส่วนที่มีค่าน้อย คนร้ายจะไม่เอาไปรวมถึงแบงค์สะสมบางส่วนที่คนร้ายไม่ได้เอาไป ส่วนของมีค่าอื่นๆ ถูกขโมยไปหมด 

  เร่งตรวจสอบคนใกล้ชิด   
นายมานพ ลูกเขย ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วงระหว่างวันที่ 10-17 เมษายน 2567 เป็นช่วงที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ แม่บ้านโทรไปแจ้งว่าพบความผิดปกติ คือ ปกติก่อนออกจากบ้านจะปิดประตูห้องน้ำไว้ แต่ที่มาเจอคือประตูห้องน้ำจะเปิด ส่วนไฟในบ้านกลางคืนจะเปิดไว้ แต่มาเห็นว่าไฟถูกปิด ซึ่งตนไม่รู้ว่าคนร้ายมาก่อเหตุช่วงไหน เพราะปกติจะไม่เคยเข้าไปในห้องของแม่ภรรยา อีกทั้งกล้องวงจรปิดในบ้านเสียมาเกือบ 1 ปีแล้ว

เบื้องต้นผู้เสียหายคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัว และรู้ช่องทางเข้าออกรวมถึงรู้ที่เก็บทรัพย์สินภายในบ้าน เพราะห้องอื่นและในส่วนอื่นในตัวบ้านคนร้ายไม่รื้อค้น แต่เจาะจงมุ่งไปเฉพาะที่ตนเก็บของมีค่าไว้เท่านั้น ซึ่งได้แจ้งข้อมูลผู้ต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้ว และขอภาวนาขอให้จับคนร้ายให้ได้เพราะทรัพย์สินที่สูญหายตนเก็บมาทั้งชีวิต

ทั้งนี้ทางด้านผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านค้าทอง ร้านเครื่องเพชร และเซียนพระเครื่องต่างๆ หากมีบุคคลนำทรัพย์สินไปจำหน่าย มีลักษณะท่าทางหรือมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี 

  วงจรปิดเสียหมด มุ่งเป้าคนใกล้ชิดร่วมก่อเหตุ  
ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน รุดเข้าตรวจสอบ เก็บหลักฐานลายนิ้วมือแฝงและเก็บคราบ DNA ภายในจุดเกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในเบื้องต้นผู้เสียหายได้พุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิด เนื่องจากรู้ข้อมูลช่องทางการเข้า-ออก ภายในบ้าน อีกทั้งยังรู้จุดที่เก็บทรัพย์สินเป็นอย่างดี และที่สำคัญระบบกล้องวงจรปิดภายในบ้านและจุดใกล้เคียงยังมาชำรุดอีก

ความคืบหน้า วันนี้ (5 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบริเวณบ้านหลังดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิด จำนวน 16 ตัว ที่ติดตั้งอยู่ภายในบ้านจุดเกิดเหตุ ได้ชำรุดมาประมาณ 1 ปีแล้ว จึงไม่สามารถบันทึกภาพขณะเกิดเหตุได้ อีกทั้งในละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีกล้องวงจรปิด เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณริมถนนช่วงหัวโค้งพอดี ไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามแนวริมถนน

ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง และได้เก็บเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่ชำรุดไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียด 

พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่า การดำเนินการในทางคดี เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสายตรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายหลังจากที่ได้รับแจ้งทันที ทั้งได้มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานลายนิ้วมือแฝงของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี เป็นที่เรียบร้อย

ด้านผู้เสียหายเองก็ได้พุ่งเป้าผู้ต้องสงสัยเป็นบุคคลใกล้ชิด ซึ่งหลังจากนี้เราก็จะเชิญบุคคลที่เข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัย จำนวน 17 ราย มาสอบถามเพื่อหาข้อมูลการเชื่อมโยงในคดี คาดว่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้

สอดคล้องกับ นางวิรัลพัชร ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เดินทางไปกลับต่างประเทศเป็นประจำ คาดว่าผู้ก่อเหตุจะต้องเป็นคนในอย่างแน่นอน เพราะว่าการเข้าออกประตูหลังบ้านจะต้องใช้เทคนิคพิเศษ เนื่องจากเป็นประตูเหล็ก แต่คนร้ายเข้ามาได้อย่างง่ายดาย