ดีเอสไอแจง 16 หน่วยงานรัฐฟ้อง ’เอวีเอ’ ลวงขายจีที 200

กรณีศาลแขวงดอนเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2561 คดีที่อัยการคดีพิเศษมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเอวิเอ แซทคอม จำกัด นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารบริษัทเอวิเอฯ นายเดชพิภัทร์ วัฒนกิจ นางศศกร ปลื้มใจ พนักงานบริษัทเอวีเอ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิด และเครื่องตรวจจับยาเสพติดรุ่น GT200 จำนวน 2 ชุด ชุดละ 9 แสนบาท เป็นเงิน 1.8 ล้านบาท เครื่องตรวจสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อ Global Technical รุ่น GT200 จำนวน 3 ชุด วงเงิน 3.6 ล้านบาท เครื่องตรวจหาสสารระยะไกลและอุปกรณ์ยี่ห้อโกลบอล รุ่น GT200 จำนวน 3 ชุด วงเงิน 3.6 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 9 ล้านบาท ที่ GT200 ผู้เสียหายได้ทำสัญญาซื้อขาย แต่เครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยมีความผิดจริงฐานฉ้อโกงตามที่อัยการโจทก์ฟ้อง จึงพิพากษาจำคุก นายสุทธิวัฒน์ กรรมละ 3 ปี จำนวน 3 กรรม รวมจำคุก 9 ปี ปรับกรรมละ 6,000 บาท รวมปรับ 18,000 บาท ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง


กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงว่า คดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญา กรณีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ 16 หน่วยงานได้ร้องทุกข์ขอให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญากับผู้ลวงขายอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200 ให้กับหน่วยงานของตน ซึ่งต่อมาปรากฏว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่ได้โฆษณาขาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ซึ่งดีเอสไอ ได้สืบสวนและรวบรวมหลักฐานแล้ว พบมูลความผิดจึงเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยมีส่วนราชการซึ่งเป็นผู้เสียหาย ประกอบด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดพิษณุโลก กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมราชองครักษ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดยะลา ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพเรือ และจังหวัดสุโขทัย รวมคดีอาญามีทั้งสิ้น 16 คดี


ทั้งนี้ คดีทยอยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งผลคำพิพากษาคดีกรมราชองครักษ์ ที่ปรากฏตามข่าวเป็นคดีที่ 3 ที่ศาลพิพากษา โดยคดีแรก ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีระหว่างอุทธรณ์ คดีที่ 2 กรมสรรพาวุธทหารบก เป็นผู้เสียหาย ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี จำนวน 12 กระทง รวม 36 ปี แต่ตามมาตรา 91 (1) แห่งประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้จำคุกได้ไม่เกิน 10 ปี และมีโทษปรับ 72,000 บาท ส่วนคดีที่ 3 คือคดีที่มีกรมราชองครักษ์เป็นผู้เสียหาย ศาลพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นระยะเวลา 9 ปี และมีโทษปรับ 18,000 บาท