ที่วันนี้เดินทางเข้ามามอบตัวพร้อมกับทนายความว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำในทุกประเด็นอยู่ โดยเฉพาะประเด็นการรับโอนเงินจาก นายปริญญา จารวิจิตร พี่ชาย เพราะดูจากเส้นทางการเงินในบัญชี เบื้องต้นยอมรับว่าได้รับโอนเงินจากพี่ชายจริง เป็นเงินที่โอนเข้าแล้วนำออกลักษณะหมุนเวียนออกจากบัญชี ประมาณ 200 ล้านบาท โดยอ้างว่า ไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด แต่ทราบว่าพี่ชายทำธุรกิจในวงการค้าหุ้นบิทคอยน์ และเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับโอนมาจากพี่ชาย น.ส.สุพิชย์ฌา ยอมรับด้วยว่า นำไปรับฝากที่ดิน และยืนยันว่าไม่มีการชักชวนบุคคลอื่นมาร่วมด้วย
พล.ต.ต.ไมตรี บอกอีกว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดีในการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของบิดา มารดา ของนายปริญญา ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ซึ่งตำรวจพบเอกสารการรับโอนเงิน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน โดยจะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่าบิดาและมารดา จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินด้วยหรือไม่ ส่วนการพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น จะเป็นกลุ่มผู้รับโอนเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือญาติทั้งหมด
"วันนี้ หลังจากที่พนักงานสอบสวนสอบกองปราบปราม สอบปากคำเสร็จสิ้น ก็จะควบคุมตัว น.ส.สุพิชย์ฌา ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษและมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางศาล" พล.ต.ต.ไมตรี ระบุ
ด้านทนายความของ น.ส.สุพิชย์ฌา บอกว่า ในวันนี้ ได้นำตัว น.ส.สุพิชย์ฌา มาพบพนักงานสอบสวนตามกระบวนการ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป