นักสำรวจถ้ำเชื่อเด็กรอดชีวิตแนะปิดจุดเสี่ยงถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน

จากกรณีเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหายเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุ่นน้ำนางนอน จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ด้านนายอนุกูล สอนเอก นักภูมิศาสตร์ หนึ่งในผู้ที่เคยสำรวจถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน บอกถึงสภาพของถ้ำว่าหลวงขุ่นน้ำนางนอน ว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อน ตนเองเคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำแห่งนี้ ก็พบว่า มีลักษณะเหมือนโพรงลำธารน้ำ ใต้ดินมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร มีทางเข้า-ทางออก ทางเดียวคือด้านหน้าถ้ำเท่านั้น ซึ่งระดับพื้นที่ดินภายในถ้ำมีสูงและต่ำ และมีทางแยกออกไปด้านซ้ายและขวา โดยไม่มีสัตว์มีพิษอาศัยอยู่ จะมีก็แค่เพียงค้างคาว

ส่วนกรณีที่กลุ่มเด็กนักฟุตบอลติดอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ เชื่อว่า มีโอกาสรอดสูง เนื่องจากภายในถ้ำมีพื้นที่ราบสูง ซึ่งเด็กจะต้องขึ้นไปอยู่ในจุดนั้น เพื่อเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณของมนุษย์ ซึ่งจากการพูดคุยกับทีมสำรวจ พบว่า ขณะนี้จุดที่เด็กและโค้ชเข้าไปอยู่ตอนนี้ น่าจะอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำที่เป็นจุดเฉพาะนักสำรวจถ้ำ ซึ่งเหลือเพียงอีก 2 กิโลเมตรเท่านั้นทีมสำรวจก็จะไปถึงจุดดังกล่าว

นอกจากนี้นายอนุกูล ยังบอกถึงวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเข้าไปติดอยู่ถ้ำ อันดับแรกต้องหาที่สูง เพื่อที่จะหลบน้ำป่าที่จะไหลเข้ามา และคอยสังเกตุบริเวณผนังถ้ำด้านบนว่ามีรอยแตกหรือรอยน้ำรั่วซึมหรือไม่ เพราะจุดนั้นจะเป็นจุดที่น้ำจะไหลเข้ามาภายในถ้ำได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายได้ จากนั้นรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นักภูมิศาสตร์ ยังเสนอแนะหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไป เจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้อง ควรปิดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ในจุดสุดท้าย ซึ่งเป็นจุดสำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนเข้าไปติดในถ้ำแห่งนี้หลายครั้งและไม่สามารถออกมาได้ และเสียชีวิต ขณะที่บางคนก็หลงอยู่ในถ้ำหลายวันกว่าจะออกมาได้ ซึ่งถ้าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวก็ควรเปิดให้เดินเข้ามาเพียงแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น เพราะถ้าลึกกว่านี้จะเกิดอันตรายเป็นอย่างมากจึงเหมาะกับนักสำรวจที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องถ้ำเท่านั้น และไม่ควรไปเที่ยวถ้ำหรือสำรวจถ้ำในช่วงฤดูฝน เพราะจะมีน้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา