และอีกฝ่ายหนึ่งที่อาจจะหมายถึงฝั่งของมหาเถรสมาคมทั้งหมดที่ประกอบไปด้วยพระผู้ใหญ่ระดับสูงจำนวนมากกันเลยทีเดียว!
สืบเนื่องมาจาก พ.ต.ท.พงศ์พร เข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เดินหน้าลุยทุจริตเงินทอนวัดต่อในลอต 3 โดยเป็นงบเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 3 แห่ง 4 คดี
และก็มีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปถูกดำเนินคดี และในนั้นมีกรรมการมส. ถึง 3 รูป คือ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และเจ้าคณะภาค 10
จนเกิดเป็นกระแสว่าสงสัยคราวนี้ มส. กับ พศ. จะถึงจุดแตกหัก? ทั้งฝ่ายพระและฝ่ายโยมอาจถึงขึ้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ!!
แต่ถึงนาทีนี้เอาเข้าจริงๆ ฝ่ายพศ.เองก็เหนื่อย เพราะดูลีลาแล้วฝ่ายพระทั้ง 3 รูปนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา
และทันทีที่เรื่องนี้ปรากฏในหน้าข่าว รุ่งขึ้นหรือวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ฝ่ายของ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ก็นัดประชุมพระสงฆ์จากวัดในเขต กทม. ที่วัดสามพระยา ซึ่งมากันหมด สิริรวมแล้วถึง 816 รูป พูดง่ายๆ ว่ามากันครบทุกวัดใน กทม.!
สร้างความแตกตื่นกันสังคมว่าเอาแล้ว! งานนี้จะมีวาระสำคัญอะไรหรือไม่ ปรากฏว่าที่เซอร์ไพรส์กว่าคือ ท่านเปิดหน้าพบปะสื่อมวลชนเต็มที่
ทั้งยังให้สัมภาษณ์ว่าเป็นวาระการประชุมพระสังฆาธิการประจำปี ซึ่งมีตั้งแต่ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสถึงระดับเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์ กรุงเทพฯ
ส่วนประเด็นปัญหานั้้น พระพรหมดิลกปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่ายังไม่ทราบรายละเอียด หากพูดไปไม่ตรงกันจะไม่ดี พูดง่ายๆ ว่าขอเช็กข่าวนิดหนึ่ง แล้วจะรีบบอกโยมนักข่าว
แต่เบื้องต้นยืนยันว่าทางวัดมีการสนับสนุนและเป็นสถานสอบปริยัติธรรมที่ได้รับความเชื่อถือมานานเป็นประจำทุกปี!
ก็ไม่รู้ว่าเพราะฝ่ายพระรู้เกมเป็นอย่างดีเลยเคลื่อนไหวในท่วงท่าเช่นนี้ คือทางหนึ่งแม้จะบอกว่าดำเนินกิจประชุมกันไปตามปกติแต่ก็มีฟีลของการแสดงขุมพลังอยู่ในที
ซึ่งที่สุดไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ วันเดียวกันซึ่งตามวาระเดิม พ.ต.ท.พงศ์พร ผอ.พศ. จะเข้าแจ้งการเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ย่านแจ้งวัฒนะ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งจับอีก 7 วัด แต่ปรากฏว่ากลับแจ้งเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด!
เท่านั้นยังไม่พอวันรุ่งขึ้นทางวัดสามพระยาก็ยังคงมีการจัดการประชุมดังกล่าวขึ้นอีกเป็นวันที่ 2 ซึ่งตามกำหนดการ พ.ต.ท.พงศ์พร ผอ.พศ. จะต้องมาร่วมด้วย
แต่เมื่อถึงเวลากลับเป็น สิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มาเข้าร่วมแทน เดาไม่ยากว่าน่าจะเลี่ยงการเผชิญหน้าอีกเป็นครั้งที่ 2!!
ราวกับว่าทางผอ.พศ.เองก็คงระวังตัวแล้วว่างานนี้ถ้าเกิดบานปลายเป็นเหมือนกรณีศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาปกป้องพระธัมมชโย จะเป็นเรื่องใหญ่ เกมอาจจะพลิกเอาง่ายๆ เลยต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไว้ก่อน!
แต่ที่สุดเวทีที่ทุกฝ่ายจับตามองที่สุดก็คือในการประชุมมหาเถรสมาคม พุทธมณฑลในช่วงบ่ายวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา
หลายคนรอดูว่าจะมีเรื่องวาระปัญหาการทุจริตครั้งนี้หรือไม่ แล้วถ้ามีผลจะเป็นอย่างไร!! เพราะงานนี้เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ก็เข้าร่วมประชุมด้วย
ปรากฏว่าแม้จะเป็นเรื่องดี แต่ก็เซอร์ไพรส์เล็กน้อย เพราะกรรมการ มส.ที่มีชื่อเกี่ยวข้องในกรณีเงินทอนวัดได้เข้าประชุมครบทั้ง 3 รูป!! ขณะที่ฝ่ายของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณเสน่ห์ ในฐานะเลขานุการ มส. ก็มาด้วย!!
แต่ส่วนที่ไม่เซอร์ไพรส์เลยคือ ภายหลังการประชุม พ.ต.ท.พงศ์พร ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่าที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยประเด็นการทุจริตเงินทอนวัดลอตที่ 3 แต่ก็ยืนยันว่าทุกอย่างอยู่ในระหว่างการดำเนินตามกระบวนการทางกฎหมาย และการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่และพระก็เป็นการกล่าวหาตามหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลโดยไม่ได้มีอคติใดๆ ทั้งสิ้น!!
"การร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือพระ เป็นผู้กระทำความผิดในขณะนี้ เนื่องจากขั้นตอนยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัย อีกทั้งยังไม่มีความเห็นลงมา ดังนั้น จึงยังไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าใครผิดหรือใครถูก ซึ่งขอย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้กระทำผิดจนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาล"
ส่วนเรื่องที่ว่าจะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับอีก 7 วัดที่เหลือเมื่อไหร่นั้น เจ้าตัวเลี่ยงที่จะตอบคำถามดังกล่าว พร้อมระบุเพียงสั้นๆ ว่าขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน และขอให้ไปสอบถามหน่วยงานที่ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้แทน ไม่ว่าจะเป็นปปป. และป.ป.ช. ก่อนจะเดินทางกลับทันที
ถึงตรงนี้เชื่อว่ามีบางคนอารมณ์ค้างที่จะเห็นว่าพระผู้ใหญ่จะออกมาฟันธงอะไรเกี่ยวกับคดีหรือไม่ ก็เปล่า!
สุดท้ายเวลานี้หากมองลีลาความเคลื่อนไหวทั้งของฝ่ายโยม ฝ่ายพระแล้ว ออกแนวว่ากำลังลดระดับจังหวะหมัดชก รุก-รับกันทั้ง 2 ฝ่าย
โดยเฉพาะฝ่ายโยม หรือฝ่ายของพศ. และซีกรัฐบาล คสช. ต้องระวังเป็นพิเศษ
เพราะมาถึงจุดนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องของพศ. กับ มส. เท่านั้น เพราะในทางอื่นก็ออกมาเดินเกมเป็นแนวร่วมฝ่ายพระกันอีกเพียบ
ทั้งทางกลุ่มการเมืองเสื้อแดง "ธิดา ถาวรเศรษฐ" แห่งนปช. ก็ได้วิเคราะห์ผ่านสื่อเสื้อแดงไว้แล้วว่า งานนี้ฝ่ายรัฐเล่นงานพระด้วยเรื่องการเมืองแน่ๆ
ยังมีในส่วนองค์กรชาวพุทธอื่นๆ ทั้งทางด้านของสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ที่ออกแถลงการณ์ว่าขอให้ชาวพุทธอย่าตกใจและตื่นเต้นไปตามสถานการณ์เพราะยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา และต้องการให้กระบวนการของการพิจารณาตามพระวินัย เพราะพระนั้นมีกฎหมายที่ต้องดู คือกฎหมายทางโลก (การดำเนินการทางอาญา) กฎหมายทางพระธรรมวินัย และพ.ร.บ.คระสงฆ์ อยากให้ดำเนินการควบคู่กันไป
ก็แปลว่ายังไงกลุ่มแบ็กอัพพระเองก็จับตาดูอยู่ตลอด!
งานนี้ฝ่ายหนุนพศ. ข้างปีกรัฐบาลที่กำลังปลูกสร้างฐานทางการเมืองเต็มที่ตอนนี้ หากเดินหมากผิดตัวเดียวอาจแพ้ทั้งกระดาน!