เมื่อวันที่ 9เม.ย.61 นายภควุฒิเที่ยงธรรมผู้ใหญ่บ้านบ้านลิ้นเกี่ยหมู่13ต.นิคมอ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้เตือนประชาชน หลังมีเพื่อนโทรศัพท์แจ้งว่ามีข้อความส่งไปยืมเงินเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเฟสบุ๊ค โดยนายภควุฒิ กล่าวว่า มิจฉาชีพที่เข้าไปแฮ็กเฟสบุ๊คเลือกเป้าหมายคนที่เป็นข้าราชครูเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนเจ้าหน้าที่สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้านและผู้ประกอบธุรกิจ ที่ดูน่าจะมีฐานะ โดยใช้เวลาเพียง30นาที ได้ส่งข้อความไปยืมเงินรวมจำนวน20คนๆ ละ7,000บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น140,000บาทแต่ยังโชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเฟส และเป็นคนหนึ่งที่ได้รับข้อความขอยืมเงินได้โทรศัพท์มาสอบถามนายภควุฒิ ผู้ใหญ่ที่ถูกแฮ็กเฟสว่า ได้ขอยืมเงินทางเฟสบุ๊กหรือไม่ซึ่งผู้ใหญ่ภควุฒิ ก็ยืนยันว่าไม่ได้ขอยืมเงินใคร แต่ก็แปลกใจเหมือนกันว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถเข้าเฟสบุ๊กของตัวเองได้ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องโทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ตของตนเองที่ใช้อยู่จึงไม่ได้เอะใจกระทั่งมีคนโทรมาสอบถามว่าได้เฟสไปยืมเงินหรือไม่จึงได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีการส่งข้อความไปยืมเงินคนที่เป็นเพื่อนจริงจึงเชื่อว่าน่าจะมีคนเข้าไปแฮ็กเฟสบุ๊คของตัวเองถึงแม้จะยังไม่มีใครโอนเงินให้กับมิจฉาชีพที่เข้ามาแฮ็กเฟสของตัวเองก็ตามแต่ก็ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายและหากมิจฉาชีพทำได้สำเร็จมีคนโอนเงินให้จริงตนก็จะต้องเป็นหนี้มากถึง140,000บาทจึงได้นำหลักฐานข้อความในเฟสบุ๊กที่ถูกแฮ็กเข้าแจ้งความที่ สภ.สตึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว
นายภควุฒิผู้ใหญ่บ้านที่ถูกแฮ็กเฟสบอกว่าช่วงนี้ที่หมู่บ้านกำลังเตรียมจัดงานสงกรานต์โดยจะมีลูกหลานที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ บริจาคเงินเพื่อมาสนับสนุนการจัดงานของชุมชนด้วยโดยจะโอนเงินเข้าบัญชีกลางของคณะกรรมการหมู่บ้านจึงเชื่อว่ามิจฉาชีพอาจจะฉวยโอกาสดังกล่าว เข้าไปแฮ็กเฟสเพื่อหลอกยืมเงินจากเพื่อนในกลุ่มเฟสและเชื่อว่าน่าจะเป็นที่รู้จักกับตนเองและน่าจะรู้เบอร์โทรศัพท์ด้วยจึงได้สุ่มใช้เบอร์โทรศัพท์เข้าไปแฮ็กเฟสของตนเองแต่ยังโชคดีที่ยังไม่มีใครได้โอนเงินให้กับมิจฉาชีพดังกล่าว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอยากเตือนภัยสำหรับผู้ที่ใช้เฟสบุ๊กไม่ควรจะใช้รหัสผ่านที่เป็นเบอร์โทรศัพท์ วันเดือน ปี เกิดหรือหมายเลขที่สุ่มเสี่ยงจะถูกมิจฉาชีพเข้าไปแฮ็กได้ง่ายเพราะอาจตกเป็นเหยื่อต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองโดยไม่รู้ตัวซึ่งอาจจะไม่โชคดีอย่างตนเองก็ได้