svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เด้ง 2 ตร.ภูเก็ต ใกล้ชิดเสี่ยโรงแรม - ทหารแจ้งจับคนโพสต์คลิป

03 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สั่งเด้ง 2 ตำรวจภูเก็ตพันเจ้าของโรงแรมในคลิปคนมีสีรีดไถ ขณะที่ทหารแจ้งความเอาผิดคนโพสต์ ผู้บริหารโรงแรมรับส่งคลิปให้เพื่อนสนิท แต่ไม่ได้โพสต์เอง

จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอทหาร 3 นายกำลังพูดคุยกับผู้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และมีข้อความระบุว่า ทหารใช้อำนาจไปรีดไถ และปรักปรำผู้บริหารโรงแรม จนกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชียล ก่อนที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 จะชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ทหารบก.ควบคุม พล.ร.5 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากอดีตพนักงานโรงแรมว่าถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรมและถูกผู้บริหารโรงแรมข่มขู่และใช้อิทธิพล และใช้ตำรวจบีบให้ออกจากงาน บก.ควบคุม พล.ร.5 ได้สั่งการให้ ชป.รส.ร.25 เข้าดำเนินการตรวจสอบ กระทั่งในวันที่ 27 มีนาคม พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รองผบ.ร.25 พัน.2 และร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 25 (ชป.รส.ร.25) ได้เข้าไปที่โรงแรมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนมีการเผยแพร่วิดีโอคลิปซึ่งบิดเบือนข้อเท็จจริง ล่าสุดตำรวจ 2 นายที่ติดตามเจ้าของโรงแรมดังกล่าวตามที่ปรากฏในคลิปถูกสั่งให้ไปช่วยราชการแล้ว


เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4 ออกมาระบุให้ดำเนินการย้ายตำรวจ 2 นายที่เกี่ยวข้องติดตามเจ้าของโรงแรมดังกล่าวตามที่ปรากฏในคลิป ว่าทราบเรื่องแล้ว ซึ่งพล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 สั่งการให้ตำรวจทั่ง 2 นายพ้นตำแหน่งไปช่วยราชการแล้ว


เด้ง 2 ตร.ภูเก็ต ใกล้ชิดเสี่ยโรงแรม - ทหารแจ้งจับคนโพสต์คลิป

เมื่อถามว่าเป็นการรังแกตำรวจหรือเปล่า ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่หรอก ไม่เข้าใจว่าทำไมสื่อมองว่าเป็นการรังแก หรือดิสเครดิตตำรวจ ซึ่งผบช.ภ.8 พูดคุยกับแม่ทัพภาค 4 แล้ว เมื่อวานก็เจอแม่ทัพภาค 4 ก็ไม่ได้คุยกัน ให้ผบช.ภ.8 ดำเนินการ และเอาตำรวจ 2 นายไปช่วยราชการเรียบร้อย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ที่สถานีตำรวจภูธรป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รอง ผบ.ร.25 พัน 2 พร้อมด้วย ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 4 จ.ภูเก็ต ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง และ พ.ต.ท.เจษฎา แสงสุรีย์ รองผกก.สอบสวน สภ.ป่าตอง ในฐานะผู้เสียหาย เพื่อแจ้งความร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันให้หาตัวคนนำคลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่ทหารกำลังพูดคุยกับผู้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง โดยมีการโพสต์ข้อความในลักษณะทำให้เกิดความเสื่อมเสียและสร้างความเสียหายให้แก่กองทัพ ไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นการทำความตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


เด้ง 2 ตร.ภูเก็ต ใกล้ชิดเสี่ยโรงแรม - ทหารแจ้งจับคนโพสต์คลิป

พ.ต.อ.อโณทัย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่เข้าไปอยู่โรงแรมวันที่เกิดเหตุ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ซึ่งวันนั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ และหลังจากมีกระแสออกมาว่าตำรวจ 2 นายไปติดตามผู้ประกอบการ ตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 1 เดือน และขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีคำสั่งให้ทั้ง 2 นายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 สุราษฎร์ธานี จนกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ


สำหรับการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในครั้งนี้จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงทั้งในส่วนของฝ่ายทหารและในส่วนของผู้ประกอบการ เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนผลสอบออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด เปิดเผยว่า คลิปที่โพสต์นั้นตนเองไม่ได้โพสต์ เพียงแต่ส่งคลิปให้กลุ่มเพื่อนที่สนิทเท่านั้น ส่วนใครเป็นคนเอาไปโพสต์และใส่ข้อความอะไรลงไปไม่ทราบเพราะไม่ใช่คนเขียน ส่วนคลิปที่เกิดขึ้นวันนั้นมีการถ่ายคลิปทั้ง 2 ฝ่าย และคลิปที่ตนมีอยู่ไม่ใช่คลิปที่มีการตัดต่ออย่างแน่นอน


นายวิศิษฐ์กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด พร้อมที่จะพูดความจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในโรงแรมที่ผมไล่พนักงานคนหนึ่งออกเนื่องจากขาดงาน 6 วัน ซึ่งก่อนจะไล่ออกได้สอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และสามารถให้พนักงานคนดังกล่าวออกได้ จึงให้ออก ทำให้พนักงานคนดังกล่าวไม่พอใจและยังกลับเข้ามาในโรงแรมทั้งๆ ที่มีการปิดประกาศห้ามเข้า แต่พนักงานคนดังกล่าวยังเข้ามา จึงไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


"ผมไม่เคยใช้อิทธิพลไปข่มขู่ใคร หรือใช้ให้ใครไปข่มขู่ ซึ่งการแจ้งความก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ตำรวจจึงขอศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งก็ปล่อยให้กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากฝ่ายผมด้วยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร และขอยืนยันว่าผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล" นายวิศิษฐ์กล่าว


ขณะที่โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 แถลงข่าวชี้แจงคลิปกล่าวหาทหารเรียกรับผลประโยชน์เจ้าของโรงแรมดังภูเก็ต ระบุเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อเข้าตรวจสอบกรณีพนักงานโรงแรมร้องเรียนโดนผู้บริหารข่มขู่ เล็งเอาผิดผู้เผยแพร่คลิป เจตนาให้เจ้าหน้าที่เสื่อมเสีย


เด้ง 2 ตร.ภูเก็ต ใกล้ชิดเสี่ยโรงแรม - ทหารแจ้งจับคนโพสต์คลิป

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 เมษายน ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อออนไลน์ ข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการโรงแรมใน จ.ภูเก็ต ดังที่มีการแชร์เผยแพร่ และแสดงความคิดเห็นเชิงลบอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมานั้น


จากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมป่าตอง พารากอน จ.ภูเก็ต โดย ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 25 ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประสานกับผู้บริหารโรงแรมดังกล่าวเพื่อแจ้งว่า พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม คณะทำงานชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 4 จะเดินทางมาพบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากพนักงานของโรงแรมป่าตอง พารากอน ว่าถูกนายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหารโรงแรมดังกล่าว และพวกข่มขู่ และกดดันให้ออกจากการเป็นพนักงานของโรงแรม ทำให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจาก นายวิศิษฐ์และพวกแต่อย่างใด ดังปรากฏข้อความและคลิปที่ได้เผยแพร่ไปแล้ว


ต่อมา พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ได้เดินทางมาชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลในการขอตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายวิศิษฐ์ แจ้งว่าขอเวลารวบรวมเอกสารหลักฐานและจะเดินทางไปชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่ 2 เมษายน


"การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวดำเนินการภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมาตรา 44 และคำสั่งที่ 13/2559 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าถูกข่มขู่และคุกคามจากผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดความหวาดกลัวและไม่ปลอดภัย ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดอาญาที่เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องเรียน โดยปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนทุกประการ พร้อมกันนี้ได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้มีการทำร้ายร่างกาย ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญเพื่อเรียกรับสินบนหรือผลประโยชน์แต่อย่างใด" พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว


โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวอีกว่า การเผยแพร่คลิปที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการตัดต่อเพียงบางส่วน พร้อมข้อความอันเป็นเท็จ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้วถือเป็นการเจตนาสร้างความเสื่อมเสียให้เจ้าหน้าที่รัฐ และทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อจัดระเบียบสังคม ขจัดอิทธิพล อำนาจมืด ธุรกิจผิดกฎหมาย ความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแสจนนำสู่การแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่จงใจเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังที่ปรากฏ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายตามความเหมาะสมต่อไป

logoline