svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ผอ.วิทยาลัยฯ แจงภาพรับน้องพิเรนทร์เป็นภาพเก่าเมื่อปี 52

สมุทรปราการ - ผอ.วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ยืนยันภาพรับน้องพิเรนทร์เป็นภาพเก่าเมื่อปี 2552 กำชับทำตามนโยบาย ศธ.

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมรับน้องสุดพิเรนทร์ ซึ่งเป็นภาพชายคาดว่าเป็นรุ่นน้อง 4 คน แก้ผ้ายืนโก้งโค้ง โดยมีรุ่นพี่ที่สวมเครื่องแบบคล้ายกับเด็กอาชีวะ ใช้สีสเปรย์พ่นบริเวณก้นและอวัยวะเพศรวมทั้งตามร่างกาย เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดีย ถึงความไม่เหมาะสมของการจัดกิจกรรมรับน้องแบบพิสดารดังกล่าว และมีการแชร์ไปตามสื่อโซเชียลกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด (6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบผู้อำนวยการ ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ซึ่งตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปู อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังมีการระบุว่าพฤติกรรมการรับน้องพิสดารเป็นนักศึกษาของสถาบันดังกล่าว

นายพิเชฎฐ์ สุคนธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ กล่าวว่า ภายหลังจากได้มีภาพกิจกรรมรับน้องที่ถูกโพสต์ในโลกเชียลมีเดีย และถูกระบุว่าเป็นนักศึกษาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ทางวิทยาลัยได้สอบถามไปยังคณะครูแผนกช่างยนต์ รวมทั้งศิษย์เก่าที่จบการศึกษาไปแล้ว เพื่อร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าภาพที่ปรากฏเป็นนักศึกษาของทางวิทยาลัยหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบการแต่งกาย พบว่าเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีต ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งนักศึกษาทั้งหมดทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องได้จบออกไปทำงานหมดแล้ว

ส่วนเจตนาคนที่นำภาพดังกล่าวมาโพสต์นั้น ตนเองก็ไม่อยากจะไปพูดถึงความคิดของเค้าว่าต้องการอะไร แต่เราเองมีหน้าที่ต้องสร้างความเข้าใจและค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นเด็กที่ศึกษาอยู่ปัจจุบันจริง ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโทษตามระเบียบ เพราะท่านสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ก็ให้นโยบายไว้ว่าห้ามจัดกิจกรรมรับน้องเด็กขาด รวมถึงได้มีหนังสือเวียนไปตามสถาบันอาชีวะทั้งภาครัฐและเอกชนห้ามให้มีการรับน้อง และได้เน้นย้ำในวันประชุมผู้ปกครองทุกปี

"อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีพบว่ามีรุ่นพี่พารุ่นน้องไปทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานศึกษา ทางวิทยาลัยจะมีการพิจารณาคาดโทษตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ และช่วงนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอม ซึ่งวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ เพิ่งปิดไปได้ 2 อาทิตย์ และอยู่ระหว่างการเปิดรับนักศึกษาใหม่ จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีการรับน้องในช่วงนี้ ตนอยากฝากถึงสื่อทางโซเชียลหรือกลุ่มต่าง ๆ ในกรณีที่นำภาพหรือข้อมูลต่าง ๆ มาลงในโซเชียลมีเดีย โดยไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไรก่อนที่จะส่งต่อกันโดยไม่คำนึงว่าข้อมูลที่ส่งต่อมานั้นจะก่อให้เกิดผลเสียกับตัวบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ" นายพิเชฎฐ์ กล่าว