svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ปฏิบัติการยกระดับการปราบปรามคอร์รัปชั่นของซาอุดิอารเบีย คาดอาจส่งผลกระทบต่อฐานะสินทรัพย์ของประเทศ

08 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปฏิบัติการยกระดับการปราบปรามคอร์รัปชันของทางการซาอุดิอารเบียในการยึดทรัพย์สินของบรรดาเจ้าชายและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐบาล อาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะสินทรัพย์ของประเทศที่มีการลงทุนไปทั่วโลกกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ ที่ทำให้ต้องถูกแช่แข็งอยู่ในระบบธนาคารกว่า 1,200 บัญชี โดยอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในวงกว้างถึงบรรดาสินทรัพย์ของเจ้าชายในราชวงศ์ถึง 60 พระองค์

หลังจากที่ทางการซาอุุดิอารเบียภายใต้การนำของมกุฏราชกุมาร Mohammed Bin Salman ในฐานะประธานคณะกรรรมการปราบปรามการคอร์รัปชันแห่งขาติ ได้กล่าาวหาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดในการคอร์รัปชันครั้งใหญที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ทำการอายัดทรัพย์และเงินสดของ 4 เจ้าชายและมหาเศรษฐีคิดเป็นมูลค่าถึง 33,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นซาอุดิอารเบียร่วง 3.1% เมื่อวันจันทร์ ถูกฉุดโดยหุ้น Kingdom Holdings Co. ของ Prince Alwaleed Bin Talil เจ้ายชายที่ร่ำรวยที่สุดในราชวงศ์และเป็นผู้ถืออหุ้นใหญ่ร่วงลง 10% ทั้งนี้ Kingdom Holdings Co. ดิ่งลงถึง 21% นับตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการจับกุมตัว 11 เจ้าชายในราชวงศ์ถูกกล่าวหาว่าทำการคอร์รัปชัน รวมทั้งคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวม 38 คนด้วย

1. นักลงทุนเดิมพันว่าซาอุดิอารเบียอาจจะลดค่าเงิน Rriyal เลิกผูก หรือ peg ค่าเงินกับดอลลาร์ หลังหุ้นร่วงหนักตกต่ำมากที่สุดในช่วง 7 เดือน หลังจากที่รัฐบาลยกระดับการปราบปรามคอร์รัปชันทำการอายัดทรัพย์สินคาดได้เงินกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ในเบื้องต้น
ขณะที่หุ้นซาอุดิอารเบียร่วง 3.1% เมื่อวันจันทร์ ซึ่งถูกฉุดโดยหุ้น Kingdom Holdings Co. ของ Prince Alwaleed Bin Talil เจ้ายชายที่ร่ำรวยที่สุดในราชวงศ์และเป็นผู้ถืออหุ้นใหญ่ดิ่งลง 10% ทั้งนี้ Kingdom Holdings Co. ดิ่งลงถึง 21% นับตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมเมื่อวันเสาร์ืที่ป่านมา ซึ่งได้มีการจับกุมตัว 11 เจ้าชายในราชวงศ์ถูกกล่าวหาทำการคอร์รัปชัน รวมทั้งคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวม 38 คนด้วย
ทั้งนี้ ปฏิบัติการยกระดับการปราบปรามคอร์รัปชันของทางการซาอุดิอารเบียในการยึดทรัพย์สินของบรรดาเจ้าชายและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐบาล อาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะสินทรัพย์ของประเทศกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ต้องถูกแช่แข็งอยู่ในระบบธนาคาร โดยอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในวงกว้างถึงบรรดาสินทรัพย์ของเจ้าชายในราชวงศ์ถึง 60 พระองค์


2. ทางการซาอุุดิอารเบียภายใต้การนำของมกุฏราชกุมาร Mohammed Bin Salman ในฐานะประธานคณะกรรรมการปราบปรามการคอร์รัปชันแห่งขาติ ได้กล่าาวหาว่ามีการสมรู้ร่วมคิดในการคอร์รัปชันครั้งใหญที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ทำการอายัดทรัพย์และเงินสดของ 4 เจ้าชายและมหาเศรษฐีคิดเป็นมูลค่าถึง 33,000 ล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์หลังจากการถูกควบคุมตัว
เจ้าชายและมหาเศรษฐีซาอุดิอารเบีย 4 คนที่จะถูกยึดทรัพย์เพื่อดำเนินการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามของเจ้าชายซัลมาน เป็นทั้งนักธุรกิจและมหาเศรษฐีชื่อดังที่ถูกข้อหาคอร์รัปชัน คือ เจ้าชาย Alwaleed Bin Talal มีทรัพย์สินรวม 19,000 ล้านดอลลาร์ เข้าชาย Mohammed Al Amoudi มีทรัพย์สิน 10,100 ล้านดอลลาร์ Saleh Kamel มีทรัพย์สิน 3,700 ล้านดอลลาร์ และ Nasser Al Tayyar มีทรัพย์สิน 600 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ทางการซาอุดิอารเบียได้ออกมาปกป้องการยึดทรัพย์ของกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหาทำการคอร์รัปช้นนั้นจะจำกัดเพียงทรัพย์สินที่อยู่ในบัญชีธนาคาร โดยจะไม่กระทบในวงกว้างกับทรัพย์ทั้งหมดของซาอุดิอารเบียที่อยู่ในต่างประเทศต่างๆ ทั่วโลกราว 800,000 ล้านดอลลาร์


3. ขณะเดียวกับที่มีการยึดทรัพย์สินของเจ้าชาย Alwaleed Bin Talal ที่มีฐานะร่ำรวยมากที่สุดในราชวงศ์ที่ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในกระบวนการคอร์รัปชันเป็นมูลค่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ เป็นที่จับตามองมากที่สุด
โดยเฉพาะการเป็นเข้าของ Kingdom Holdings Co. ที่มีการลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งใน Citigroup, Twitter หรือ Apple
10 รายการสินทรัพย์ของเจ้าชาย Alwaleed Bin Talal ที่ถูกอายัดไว้ ประกอบด้วย Kingdom Holdings Co. มูลค่า 9,600 ดอลลาร์ Saudia Arabia Property มูลค่า 4,100 ดอลลาร์ International Investments มูลค่า 2,600 ดอลลาร์ Rotana Group มูลค่า 980 ดอลลาร์ Middle East Investments มูลค่า 898 ดอลลาร์
การถือหุ้นใน Twitter มูลค่าถึง 612 ดอลลาร์ การลงทุนใน Jewelry มูลค่า 284 ดอลลาร์ ลงทุนใน Planes และ Yachts มูลค่า 225 ดอลลาร์ การถือครอง Cash และสินทรัพย์อื่นๆ อีก 222 ดอลลาร์ รวมทั้งลงทุนใน Furniture และการตกแต่งอพาร์ตเมนท์ถึง 120 ดอลลาร์


4. นอกจากนี้ เพียงช่วงเวลาภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากซาอุดิอารเบียทำการปราบปรามคอร์รัปชันครั้งประวัติศาสตร์ ทำให้ต้องสูญเสียเจ้าชายในราชวงศ์ถึ 2 พระองค์ ขณะที่เจ้าชายมกุฏราชกุมาร Mohammed Bin Salman กำลังกวาดล้างฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะขึ้นครองราชย์ ที่คาดกันว่ากษัตริย์ซัลมาน พระบิดาจะสละราชสมบัติในปี 2018
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าชาย Abdul Aziz Bin Fahd ซึ่งเป็นพระโอรสของกษัตริย์ Fahd ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากมีการยิงต่อสู้กันกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจับกุมตัวตามคำสั่งของมกุฎราชกุมาร
และก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวัน เจ้าชาย Mansour Bin Muqrin โอรสของอดีตมกุฎราชกุมาร Muqrin ได้เสียชีวิตจากเฮลิคอปเตอร์ตกตกทางตอนต้ของซาอุดิอารเบียในพรมแดนติดกับเยเมน พร้อมกับเจ้าหน้าที่รวม 11 คน ในขณะที่กำลังไปตรวจดูพื้นที่การยิงสกัดขีปนาวุธที่มาจากฝั่งของเยเมน
ต่อมา ซาอุดิอารเบียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดต่อกับเยเมน หลังส่อเค้าตึงเครียดมากขึ้นจากการยิงสกัดขีปนาวุธที่ยังจากฝั่งเยเมนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งให่ประชาชน 7 ล้านคนต้องอยู่อย่างยากลำบาก


5. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ในนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนวันอังคารที่ 7 พ.ย. จากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นกว่า 3% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องมาจากกระแสข่าวเกี่ยวกับการกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่ในซาอุดิอารเบีย
หลังจากที่วันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI พุ่งทะลุ 57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังคงทงตัวที่ 57.04 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันพุธในการซื้อขายที่ตลาดเอเชีย ส่วนราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งแตะ 64 ดอลลาร์ แต่มาย่อตัวลงที่ 63.73 ดอลลาร์ในตลาดเอเชีย
อย่างไรก็ตาม การอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันในช่วงใกล้นี้ เริ่มมีคำถามจากตลาดถึงการซื้อขายที่เป็น Overact มากเกินไปหลังจากเกิดความตึงเครียดในซาอุดิอารเบียที่มีมากขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากการยึดทรัพย์สินของกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน
ขณะเดียวกันตลาดก็จับจาดูที่แผนการแปรรูปของบริษัท Aramco บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ที่รัฐบาลซาอุดิอารเบียเป็นเจ้าของจะเกิดขึ้นตามแผนในปี 2018 หรือไม่ เนื่องจากจะส่งผลต่อแผนการขยายเวลาในการตัดลดกำลังผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคจะเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือไม่

logoline