ล่าสุดพบว่าในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่นหรือทีบีซี ได้ติดต่อประสานงานเพื่อขอให้ทางตำรวจท่าขี้เหล็กเข้าไปจับกุมทั้งคู่ ขณะกบกานอยู่บริเวณร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งห่างจากพรมแดนเข้าไปประมาณ 6 กิโลเมตรนั้น ปรากฎว่าผู้ต้องหาหญิงทั้ง 2 คนได้หลบหนีจากการติดตามของเจ้าหน้าที่แล้ว
โดยมีรายงานว่าภายหลังจากทางทีบีซีฝ่ายเมียนมาได้รับเรื่องและมีการแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจะเข้าไปจับกุม ปรากฎว่าบริเวณที่พักที่ทั้งคู่เคยใช้ซ่อนตัวอยู่ไม่พบบุคคลใดอยู่แล้ว เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาสอบถามไปยังผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะก็ทราบว่าก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงได้มีชายไทยจำนวน 1 คนขับรถยนต์ ไปรับตัวหญิงสาวชาวไทยที่มีลักษณะตรงกับที่เจ้าหน้าที่ไทยระบุเดินทางออกไปจากบริเวณที่พักของร้านคาราโอเกะดังกล่าวแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่คาดว่าทั้งคู่และเครือข่ายไหวตัวทันจึงได้หลบหนีไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีการประสานงานผ่านทีบีซีอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ทีบีซีของเมียนมาซึ่งมีทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายพลเรือนในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก รับจะออกติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ทางทีบีซีฝ่ายไทยได้ขอความร่วมมือไปอย่างเต็มที่ต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ น.ส.กวิตา และ น.ส.ปรียานุช ได้ออกเดินทางจากฝั่งไทยไปด้วยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีขาว และทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาสข้ามแดนไปอย่างถูกต้องตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ขณะที่ยังไม่ได้ถูกออกหมายจับ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไทยได้ทำการตรวจสอบรถและเอ๊กซเรย์เอาไว้เพราะต้องสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ กระนั้นก็ได้ปล่อยตัวข้ามฝั่งไทยโดยใช้บอเดอร์พาสที่มีอายุอยู่ในฝั่งเมียนมาได้ 7 วัน