จิบกาแฟ นั่งแพไม้ไผ่ คลองศก สุราษฎร์ธานี ย้อนวิถีชุมชน คนต้นน้ำ

ต้นไผ่ลำโตๆที่ขึ้นอยู่หนาแน่นเต็มผืนแห่งนี้ถูกตัดมามัดเป็นลำแพบรรทุกสัมภาระและสินค้าที่จะนำไปขาย ถ่อล่องไปตามคลองศกเข้าเชื่อมต่อกับลำคลองสาขาต่างๆจนถึงแม่น้ำตาปี เข้าสู่เมืองใหญ่บ้านดอน สุราษฎร์ธานี พบปะญาติพี่น้อง หาซื้อสิ่งของเครื่องที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ก่อนเดินทางกลับทวนกระแสน้ำด้วยกำลังเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ติดอยู่ท้ายลำแพ เป็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ที่ผูกติดอยู่กับสายน้ำกลางป่าใหญ่

แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากอดีต หลังความเจริญย่างกรายเข้ามาพร้อมกับถนนสายสำคัญ แต่แพไม้ไผ่ก็ยังคงอยู่ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนหน้าที่ของตัวเอง กลายเป็นจุดขายของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่นำพาบรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ นั่งแพถ่อล่องไปตามคลองศกชมธรรมชาติที่ยังคงความความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมๆกับการสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้างได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และที่สำคัญคนที่นี่ถือว่าคลองศกเป็นสายน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากพื้นที่ต้นน้ำเป็นสถานที่ลอยอัฐิธาตุของหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันการล่องแพชมธรรมชาติที่คลองศกได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งคุณแอ๊ด สามารถ สิทธิแดง หนึ่งในผู้ประกอบการซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ผู้เป็นเจ้าของ"คลองสก แบบบูราฟ" (Clongsok Bamboo Raft ) ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 4 ต.เขาศก อ .พนม เล่าว่าเขามีแพไม้ไผ่กว่า 20 กว่า โดยใช้แรงงานคนถ่อแพเป็นชาวบ้านในละแวกนี้ทั้งสิ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย มักจะมากับเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ

" จิบกาแฟ นั่งแพไม้ไผ่ " วลีเก๋ไก๋ แค่ชื่อก็ชวนให้อยากมาเที่ยวสัมผัส ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะลงไปนั่งในแพซึ่งสามารถรับได้ลำละ 2 คน ทุกคนจะได้รับหมวกกันแดดหรือ มงกุฏไพร ที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆจากใบหวายเป็นที่ระลึก จากนั้นแพไม้ไผ่ก็จะนำพาล่องลงเป็นทิวแถวชมความงามของคลองศกที่ไหลมาจากต้นน้ำคลองศกซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก พอล่องแพมาได้สักระยะหนึ่งก็แวะจิบกาแฟใส่กระบอกไม้ไผ่ ซึ่งน้ำร้อนๆที่ใช้ชงกาแฟก็ได้จากกระบอกไม่ไผ่ที่ใส่น้ำแล้วนำไปเผาไฟ ทำให้เพิ่มกลิ่มหอมรสชาติแปลกใหม่ ที่กรุ่นลิ้นด้วยกลิ่นอายแห่งธรรมชาติ โดยการล่องแพใช้ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 4 กิโลเมตร

นอกจากการล่องแพคลองศกแแล้ว ในพื้นที่ ยังมีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะขี่ช้าง เดินป่า ต่อด้วยกิจกรรมยามเย็น เดินเล่นชมบรรยากาศสุดแสนสบายในย่านที่พักซึ่งความเจริญของสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพเพราะผู้ประกอบการที่เปิดบริการที่พักคือคนในพื้นที่ นับอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนปีนี้

สุราษฎร์ธานีไม่ได้มีดีแค่ทะเล