svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา

คดีรถเบนซ์ชนท้ายฟอร์ด จนมีผู้เสียชวิต ประเด็นหนึ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือ การพบยากล่อมประสาทที่เป็นผลจากการรักษาอาการป่วยของผู้ขับขี่ ทำให้กรมการขนส่งทางบก หารือแพทย์สภาเสนอให้มีการตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่

ผ่านมา 2 สัปดาห์กับเหตุการณ์ที่รถเบนซ์ ซีแอลเอส สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ที่มีนายเจนภพ วีรพร เป็นผู้ขับขี่ ซิ่งชนรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีเทาดำ ทะเบียน ฆย 6911 โดยมีนายกฤษณะ ถาวร และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นั่งอยู่ภายในรถ ก่อนไฟจะลุกไหม้รถทั้งคันทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจ เหตุเกิดบริเวณถนนพหลโยธินขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 52 -53 อ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


การสืบสวนคดีนี้ยังพบหลักฐานบางอย่าง ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าเก็บซากรถเบนซ์นั้นพบซองยาจำนวนหนึ่ง ระบุว่าเป็นยาใช้รักษาโรคซึมเศร้า ที่หากรับประทานแล้วจะส่งผลให้เกิดอาการง่วงและเบลอ เพื่อให้หลับสบายขึ้น จึงยังไม่แน่ชัดว่า นายเจนภพ ได้รับประทานก่อนการขับรถหรือไม่ด้วย นอกจากนี้ นายเจนภพยังเคยมีประวัติการรักษาโรคซึมเศร้ามาก่อนหน้านี้
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ผู้ขับขี่มีอาการทางจิตเวช หากย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 กรณีที่นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือหมูแฮม ปัจฉิมสวัสดิ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนางสาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ (ปะการะนัง) นางสาวไทยคนที่ 22 ประจำปี 2527 และอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ที่ขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ศศ 6699 พุ่งชนผู้โดยสารที่ยืนบนทางเท้า ทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บกว่า 10 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ก่อนลงมามีปากเสียงกับคนขับรถประจำทางที่ขับมาปาดหน้า บริเวณหน้าป้อมตำรวจที่ปากซอยสุขุมวิท 26
ทางด้านบิดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ ออกมาระบุว่า บุตรชายมีอาการทางประสาท มีอาการชักเกร็ง และเคยเข้ารับการรักษาจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


ไม่ต่างจากอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา จากกรณีโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปภาพรถเก๋งสีขาวขับรถย้อนศรมาชนเข้ากับรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง บริเวณปากซอยลาดพร้าววังหิน 39-41 ถ.ลาดพร้าว แขวงและเขตลาดพร้าว หลังจากนั้นผู้หญิงที่อยู่ในรถเก๋งสีขาว ได้โผล่ตัวออกมาจากทางกระจกรถด้านข้างคนขับ ในลักษณะไม่สวมเสื้อผ้า พร้อมกับมีอาการโวยวาย ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินไปมาอยู่บนถนน จนทำให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ พยายามจะนำผ้ามาคลุมตัวให้ จนกระทั่งตำรวจได้สอบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นโรค ไบโพลาร์ หรืออารมณ์ 2 ขั้ว

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


หลายคดีที่เกิดขึ้นทำให้นักวิชาการเครือข่ายเพื่อความปลอดภัยทางถนน โดยนายรักษิต ฐิติพัฒนพงศ์ เรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบกเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ ก่อนที่จะออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือการต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ให้มีมาตรฐานเหมือนกับต่างประเทศที่นำมาใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการขับขี่รถบนท้องถนน

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


"ผมเคยเรียกร้องไปยังกรมขนส่งทางบกหลายครั้งในเรื่องของการออกใบอนุญาติขับขี่นั้น ควรมีการตรวจสอบว่าผู้ขับขี่เป็นบุคคลที่มีภาวะไม่ปกติหรือไม่ หรือเป็นผู้สูงอายุที่มีสภาพร่างกายพร้อมจะขับรถยนต์บนถนนกับผู้ใช้รถใช้ถนนกับคนอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงต้องมีการตรวจสอบสภาพร่างกายว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะขับรถหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนน เพราะหากปล่อยให้คนกลุ่มออกมาขับขี่บนถนนนั้นมีเสี่ยงมากๆ ที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา เพราะพวกเขามีภาวะทางอารมณ์ที่แปรปรวนไม่ปกติ รวมถึงการตัดสินใจต่างๆ ไม่เท่ากับคน ใครที่มีสภาวะที่ไม่พร้อมก็ไม่สามารถขับรถยนต์ได้ " นักวิชาการเครือข่ายเพื่อความปลอดภัย กล่าว
สอดคล้องกับข้อมูลของ พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น ที่ยืนยันว่า ผู้ป่วยหรือผู้ที่มีสภาวะไม่พร้อมในการขับขี่รถยนต์ แต่ฝืนที่จะนำรถออกมาขับขี่บนท้องถนนจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น จนกระทั่งมีการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจราจร โดยการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ในภายหลัง ตนจึงมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุไม่ได้เป็นการป้องกันเหตุตั้งแต่ต้น ปัญหานี้จึงเกิดขึ้นในสังคมไทยอยู่ทุกวันนี้และจะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ช่วยกันแก้ไขหรือดำเนินการให้มีมาตรฐานอย่างที่ควรเป็น

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


"ตำรวจเป็นปลายทางทางในการแก้ไข ต้นทางคือกรมการขนส่งทางบก ผมยกตัวอย่างในประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา การออกใบอนุญาตขับขี่นั้น ยากมากกว่าจะได้ใบขับขี่มาใบหนึ่ง แต่บ้านเราไปยื่นช่วงเช้า บ่ายก็ได้รับแล้ว ผมคิดว่าต่อไปนี้เราควรที่จะมีวิธีการปรับให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเหมือนระดับสากล ให้มีการตรวจสอบในเรื่องของสภาพจิตใจและการแพทย์ให้มากขึ้น ถ้าหากแพทย์ตรวจสอบแล้วว่าคนๆ นั้นมีสภาวะปกติ แต่จริงๆ แล้วมีปัญหาทางจิต แพทย์ก็ต้องรับผิดชอบด้วย" พล.ต.ต. อดุลย์ ระบุ
ขณะที่กรมการขนส่งทางบก โดยนายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ออกมายืนยันว่า การทำใบอนุญาตขับขี่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือใบรับรองแพทย์ ซึ่งในรับรองแพทย์จะต้องระบุว่า บุคคลที่แพทย์ให้การรับรองมาจะต้องไม่มีโรคที่เป็นอันตรายในการขับขี่และต้องไม่เป็นโรคที่ระบุไว้ใน 3 โรค คือ โรคเท้าช้าง โรควัณโรค โรคกล้ามเนื้อลีบ พร้อมทั้งต้องมีการทดสอบสมถรรถภาพทางร่างกายและทดสอบตาบอดสี ส่วนบุคคลใดที่จะต่อใบขับขี่ทุกๆ 5 ปี จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่อายุไม่เกิน 1 เดือน มาเป็นเอกสารประกอบสำหรับการตรวจเฉพาะด้านจิตเวชยังไม่มีในข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากมองว่าเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในการตรวจโรคดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้กรมการขนส่งทางบกได้เคยร่วมประชุมกับทางสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เพื่อร่วมมือกันปรับปรุงเนื้อหาของโรคต่างๆ ที่จะมีการเพิ่มโรคทางด้านจิตเวชระบุไปในใบรับรองแพทย์ด้วย โดยจะต้องผ่านการกลั่นกรองมาจากแพทย์แล้วในขั้นตอนเบื้องต้นก่อนจะออกใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งหากแพทย์ระบุว่า ป่วยเป็นโรคด้านจิตเวช ก็จะถูกยึดใบขับขี่เป็นระยะเวลา 1 ปีทันที

"เสนอตรวจโรคจิตเวช ก่อนออกใบขับขี่" ขนส่งฯหารือแพทยสภา


นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังบอกอีกว่า คนส่วนใหญ่ที่มาต่อใบขับขี่หรือมาทำใบอนุญาตขับขี่ในสภาวะตอนนั้น ส่วนมากยังเป็นคนที่ไม่มีโรคประจำตัว แต่เมื่อออกใบอนุญาตขับขี่ไปแล้ว บางรายมาป่วยในภายหลัง สาเหตุอาจจะเกิดจากความเครียด การเสพยาเสพติด หรือดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง จึงส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีสภาพไม่พร้อมในการขับขี่ เมื่อคนกลุ่มนี้ขับรถไปบนท้องถนนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
หวังว่าอุบัติเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จะทำให้หลายหน่วยงานออกโรงมาแก้กฎหมายการจราจรกันใหม่ เพื่อให้การออกใบอนุญาตขับขี่มีมาตรฐานเหมือนกับในหลายประเทศที่ต้องตรวจสภาพร่างกายให้มีความพร้อม โดยเฉพาะการตรวจโรคทางด้านจิตเวชที่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องประกอบในใบรับรองแพทย์ว่าบุคคลๆ นั้น เป็นบุคคลที่พร้อมจะขับขี่รถไปบนท้องถนน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ความสูญเสียก็จะไม่เกิดตามมา