
ถึงแม้บรรยากาศโดยรอบ"บ่อปลานิวเวิลด์" จะไม่สวยงามเช่นเดียวกับสถานที่แสดงพันธุ์ปลาแห่งอื่น แต่สิ่งมีชีวิตหลายพันตัวที่แหวกว่ายภายในอาคารร้างแห่งนี้ก็ติดอันดับเรื่อง"แปลก" ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติต้องแวะเวียนมาพิสูจน์ความจริง เพราะภายนอกห้างนิวเวิลด์แทบดูไม่ออกว่าภายในอาคารทรุดโทรมจะมีฝูงปลาสวยงามอยู่อาศัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลานิลแดง ปลานิลดำ ปลาคาร์ฟ ปลาดุก ปลาทับทิม ต่างพากันยึดแอ่งน้ำขยายเผ่าพันธุ์เติบโตเต็มพื้นที่ชั้นล่างของอาคาร จนมีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นสถานที่"อะเมซิ่ง" แห่งใหม่ย่านบางลำพู พร้อมตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่าเป็น"วังมัจฉา" ของเขตพระนคร
เมื่อเปิดประวัติความเป็นมา"อควอเรียม" แห่งนี้ เริ่มต้นจากการเปิดตัวห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยมเมื่อ 30 ปีก่อน ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนสี่แยกบางลำพู แต่ห้างนิวเวิลด์ต้องปิดตัวลงในปี 2540 เนื่องจากพบว่ามีการต่อเติมอาคารผิดไปจากแบบที่ได้ขออนุญาตไว้ จากเดิมที่ขอก่อสร้างเป็นอาคาร 4ชั้น แต่มีการลักลอบก่อสร้างเป็น 11 ชั้น ทำให้กทม.ต้องเข้ามารื้อถอนอาคารชั้นที่ 5-11 แต่ระหว่างนั้นตัวอาคารชั้นบนได้ทรุดตัวพังลงมาเมื่อปี 2547 เกิดช่องโหว่บนหลังคา เมื่อฝนตกก็มีน้ำท่วมขังพื้นที่ชั้นล่างของห้าง กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงได้นำปลาหางนกยูง และเปลี่ยนเป็น"พันธุ์ปลา" ชนิดอื่นมาปล่อยไว้ เพื่อช่วยกำจัดลูกน้ำยุงลาย แต่ปลาหลายตัวได้เพิ่มสมาชิกในเวลารวดเร็ว ขณะเดียวกันมีผู้นำปลามาปล่อยเพิ่มเติม ทำให้ห้างนิวเวิลด์เปลี่ยนสภาพกลายเป็น"ห้างปลา"ในเวลาต่อมา
ทว่าเมื่อสำนักงานเขตพระนคร ได้ประกาศสั่งปิดตึกร้างห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ เมื่อ 30 มิ.ย.2557 แต่ยังมีบุคคลภายนอกลักลอบเข้ามาให้อาหารปลา สำนักงานเขตจึงต้องหาวิธีการเคลื่อนย้ายปลาออกจากพื้นที่ใต้อาคารทั้งหมด โดยประสานไปยัง"กรมประมง" ให้มาช่วยเคลื่อนย้ายนำปลาไปอยู่ในความดูแล ซึ่งก่อนหน้านี้กทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบคุณภาพน้ำเพื่อวัดค่าออกซิเจนก็พบว่ามีปริมาณออกซิเจนเพียง 1.26 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 3มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อปลาเหล่านี้ในอนาคต
"สมชัย ไตรพิทยากุล" ผู้อำนวยการเขตพระนคร กล่าวว่า เมื่อศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำฯกรมประมง เคลื่อนย้ายปลาไปอนุบาลที่จ.พระนครศรีอยุธยาจ.สมุทรปราการ และจ.ปทุมธานีแล้ว สำนักงานเขตพระนครจะเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ทั้งหมด ก่อนโรยปูนขาว และฉีดหมอกควันเพื่อป้องกันยุง แต่หากมีฝนตกลงมาอีกเพราะหลังคาของอาคารห้างยังเปิดอยู่ ทางสำนักงานเขตพระนครก็ต้องเข้ามาสูบน้ำออกให้เท่านั้น ส่วนการแก้ไขระยะยาวอยู่ที่เจ้าของอาคารว่าจะเข้าปรับปรุงอาคารหรือไม่
"วีระ วัชรกรโยธิน" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสมุทรปราการ กล่าวถึงการย้ายฝูงปลาที่ห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ ว่า สำนักงานเขตพระนครได้ประสานมายังกรมประมง เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องการเคลื่อนย้ายปลา กรมประมงจึงได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสมุทรปราการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดปทุมธานี และสถาบันวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอยุธยาเข้ามาดำเนินการ ส่วนสาเหตุที่ต้องรีบมาที่ห้างแห่งนี้ เพราะเป็นห่วงเรื่องน้ำภายในอาคารที่จะแห้งลง รวมถึงเรื่องอาหารที่จะส่งผลต่อสุขภาพของปลา จึงได้ข้อสรุปว่าในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. ศูนย์วิจัยฯจะต้องดำเนินการตามแผนให้แล้วเสร็จ
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสมุทรปราการ อธิบายขั้นตอนการเคลื่อนย้ายปลา ว่า ปลาที่อยู่ในนี้มีอยู่ประมาณ 3 พันกว่าตัว เริ่มต้นจะใช้อวนจับปลามากั้นพื้นที่โดยรอบ แล้วค่อยๆลดวงให้แคบลง ก่อนนำสวิงมาตักปลาตัวใหญ่ๆแล้วนำออกไปใส่ยังกะบะเติมน้ำในรถกระบะ 6 ล้อที่รออยู่ด้านนอก ขณะเดียวกันจะทยอยระบายน้ำภายในอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องพยายามตีวงเพื่อนำปลาขนาดใหญ่ออกไปก่อน แต่ก็มีปัญหาเพราะในพื้นที่เป็นอาคารที่มีเสาบัง ทำให้ในบางจุดใช้อวนเข้าได้ยาก
ขณะที่ข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับอนาคตของปลาทั้งหมดนั้น ทางศูนย์วิจัยฯยืนยันว่า ปลาที่ได้มาทั้งหมดจะถูกนำไปพักฟื้นที่ศูนย์วิจัยฯที่จ.สมุทรปราการจ.ปทุมธานี และจ.พระนครศรีอยุธยา ในอีกประมาณ 3 สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นจะทำการคัดเลือกปลาที่เหมาะสม เพื่อจะนำไปเป็นพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ ส่วนที่ปลาที่เหลือจะนำไปปล่อยยังอ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไปทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับชาวบ้านที่อาศัยบริเวณย่านบางลำพู ถึงการปิดฉากวังมัจฉาก็พบว่า ส่วนใหญ่เห็นว่า อยากให้คนกับปลาต่างคนต่างอยู่ เพราะปลาที่นี่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนแถวนี้ ถ้าปลายังอยู่อย่างน้อยก็ช่วยกำจัดยุงได้ ถ้าใครอยากเลี้ยงก็มีคนนำอาหารปลาไปให้ แต่ถ้าฝนตกลงมาอีกน้ำก็จะขังอีกแน่นอน
คุณลุงวัย 64 ปี ซึ่งเป็นทั้งผู้พักอาศัยและผู้ค้าในย่านบางลำพู ในฐานะผู้ริเริ่มความคิดนำปลามาปล่อย เปิดเผยกับเราว่า "ซื้อปลามาหลายตัวก็หมดเงินไปหลายตังค์ ตอนนั้นมียุงเยอะ จึงคิดว่าน่าจะนำปลามาปล่อย ก็ไปถามเจ้าของห้างเขาก็อนุญาติ จึงเริ่มปล่อยปลาหางนกยูง และปลาอื่นๆ เพื่อไปกินลูกน้ำ แต่วันนี้เมื่อปลาไม่อยู่เเล้วก็ไม่ซีเรียสอะไร ถ้าเป็นแบบนี้ก็จบ แต่พร้อมสร้างต่อ "
"เมื่อวานได้โทรศัพท์คุยกับเจ้าของที่แล้วว่า ถ้าฤดูฝนมีน้ำขังขึ้นมาอีกแต่ไมีมีใครมาทำอะไร ก็จะนำปลาคาร์ฟมาปล่อยอีก 3 พันตัวให้เป็นอะเมซิ่งพระนคร เจ้าของที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คิดว่าเรื่องนี้ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด"
"สมหมาย ชื่นฟัก"หรือลุงโย่ง อายุ 63 ปี ผู้ดูแลปลาในสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่มีผู้นำปลามาปล่อยทิ้งไว้เมื่อปี 2547 เปิดใจว่า จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมประมงฯถึงแนวทางการดำเนินงานหลังจากนี้ เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่จะนำไปพักฟื้นก่อนปล่อยลงสู่แหล่งธรรมชาติก็รู้สึกดี เพราะคิดว่าปลาทั้งหมดน่าจะอยู่ดีกว่าที่อยู่ที่นี่ แต่ก็รู้สึกใจหายเหมือนกันเพราะมีความผูกพันกับปลาเหล่านี้มานานนับสิบปี
ด้าน"สมนึก ชื่นฟัก" ภรรยายาลุงโย่งวัย 59 ปี กล่าวว่า เมื่อปลาย้ายไปก็ไม่รู้สึกอะไร ถ้าเขาเอาไปเลี้ยงให้ดีก็ดี แต่ถ้าเอาไปตายก็ไม่ชอบ เพราะอยู่ที่นี้ปลาก็ไม่ได้ไปกวนใคร ที่ผ่านมาถ้าคนไม่ไปยุ่งกับปลาก็คงไม่มีปัญหา แต่ที่มีปัญหาเพราะคนไปยุ่งกับมันเอง
ขณะที่"จินตนา รัชตวิทย์" แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวด้านหลังห้างนิวเวิลด์ รู้สึกว่า ช่วงมีปลาอยู่เป็นเรื่องดีที่ไม่มียุง ถ้าปลาไม่อยู่แล้วคงเอายาฉีดยุงมาฉีดแทน แต่ยังรู้สึกดีที่มีปลาอยู่ดีกว่า เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคนเข้าไปข้างในมากมาย เขาอยู่เเค่ริมบ่อปลา บางคนก็เอาอาหารปลามาฝากให้แม่ค้าเอาไปให้ปลาแทน หรือบางคนก็ฝากเงินเพื่อซื้ออาหารปลาให้ การมีปลาอยู่จึงไม่มีข้อเสียอะไรเลย
"รู้สึกเสียดายถ้าปลาไม่อยู่เเล้ว ฉันซื้อปลามาปล่อยเองด้วย ให้มากินลูกน้ำ ถ้าฝนตกอีกก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรก็อาจนำปลามาปล่อยอีกก็ได้(หัวเราะ)"คุณป้าวัย 55 ปีกล่าว
"จรรยา อำรุงจิตชัย" เจ้าของร้านกาแฟย่านบางซ่อน เขตบางซื่อ วัย 59 ปี เล่าถึงประสบการณ์เคยท่องเที่ยวที่ห้างแห่งนี้เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ว่า รู้สึกสนุกตื่นเต้นเพราะเป็นห้างใจกลางกรุงที่ทันสมัยและใหญ่ในสมัยนั้น ซึ่งห้างแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่มีลิฟท์แก้วทั้งภายในและภายนอกห้าง ดูแปลกตา และทันสมัยที่สุดในสมัยนั้นรวมถึงยังขายสินค้าราคาไม่แพง แต่เมื่อห้างปิดตัวลงก็รู้สึกใจหาย รู้สึกเสียดาย และรู้สึกว่าห้างยังมีประโยชน์ เพราะมีปลามาอาศัยอยู่ทำให้ดูไม่รกร้าง ดูแปลกตา ซึ่งกฌตนเคยได้ไปดูปลาที่นี่มาแล้ว
"เมื่อกรมประมงกับกทม. เข้ามาเคลื่อนย้ายปลา และปิดตำนานวังมัจฉานั้น ก็รู้สึกใจหาย เพราะก็คล้ายๆ ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆบริเวณนั้น แต่ก็เข้าใจว่าอาคารห้างเป็นตึกร้าง อาจเกิดอันตรายจากซากห้างที่เคยถล่มได้ เพราะดูจากภายนอกอาจไม่สวยงามเหมือนในอดีตแล้ว"คุณป้าจรรยา ระบุ
ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องราว"ห้างปลานิวเวิลด์" ภายหลังเดินทางผ่านเวลาจนเป็นหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากคนทุกวัย ถึงแม้ศูนย์การค้านิวเวิลด์จะเลิกกิจการตามสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น แต่หลายปีต่อมาสถานที่แห่งนี้ยังอยู่ในความ"ประทับใจ"ของคนยุคปัจจุบัน ที่ได้โอกาสเข้ามา"ดูแล" เพื่อนร่วมโลก ถึงแม้จะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ผู้คนเหล่านี้จะไม่ลืม"วันสุดท้าย" มหากาพย์ตำนาน"ห้างนิวเวิลด์"อย่างแน่นอน