นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ชี้แจง ต่อกรณีกระแสข่าวผู้เอาประกันภัยถูกบริษัทประกันภัยปฎิเสธความคุ้มครอง นั้น ในฐานะหน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยขอชี้แจงว่า ผู้เอาประกันภัยทุกท่านยังได้รับความคุ้มครองเป็นปกติ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ก่อนหรือหลังเคอร์ฟิวก็ตาม แต่ทั้งนี้ความคุ้มคราองจะคุ้มครองเฉพาะการประเมินแล้วว่าเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุจนผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเท่านั้น แต่หากบริษัทประกันภัยตรวจสอบพบว่า ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากการเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่เสี่ยง หรือสามารถจับภาพได้ว่าเข้าร่วมแล้วเกิดเสียชีวิต ประกันภัยก็อาจไม่คุ้มครอง ดังนั้นจึงขอเตือนให้ประชาชนที่มีเหตุต้องเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุม หรืออาศัยอยู่ในเขตพื้นที่แล้ว ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น
ส่วนกรณีหากเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สิน เช่น ยานพาหนะ หรือรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันวินาศภัยแล้วนั้น ยืนยันว่ารถยนต์ ตลอดจนผู้ขับขี่และบุคคลที่ 3 ยังได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุตามที่ระบุไวในกรมธรรม์ กรณีที่ขับขี่แล้วรถเกิดได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้อยู่ใกล้เขตชุมนุมก็ยังได้รับความคุ้มครองเป็นปกติ แต่หากจงใจที่จะนำรถไปร่วมชุมนุมหรือใช้ก่อเหตุ กรมธรรม์จะไม่ให้ความคุ้มครอง
สอดคล้องกับนายนที ไชยกาล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย ที่กล่าวยืนยันว่า บริษัทยังคงให้บริการจ่ายเคลมสินไหมรถยนต์ตามปกติ แม้ว่ารถคนนั้นจะเกิดเหตุหลังประกาศเคอร์ฟิวก็ตาม เพราะตามเงื่อนไขการรับประกันนั้น จะยกเว้นจ่ายสินไหมได้ก็ต่อเมื่อมีสงครามกลางเมืองหรือเกิดจลาจลขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้น การให้บริการทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ไม่ได้มีข้อยกเว้นอะไรทั้งสิ้น จะมีประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่มีเคอร์ฟิว ก็ไม่มีผลอะไร เพราะรถทุกคันยังเคลมสินไหมได้เป็นปกติ บริษัทประกันไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้