20 มกราคม 2564 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนรัฐบาล เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ ปอท. ให้เอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในข้อหามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการแถลงเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์การนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ว่า การกระทำของนายธนาธร เป็นการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ให้การดำเนินการจัดการวัคซีนเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
ทั้งนี้ ไม่ใช่การชี้นำให้เกิดความเกลียดชังตามที่รัฐบาลกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ก็เคยตั้งคำถามว่าเหตุใด รัฐบาลจึงเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งเป็นคำถามปกติ แต่รัฐบาลเลือกใช้วิธีการนี้ตอกย้ำให้เห็นว่ามีมาตรา 112 ไว้ปิดปากผู้เห็นต่างทางการเมือง ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์หรือเห็นต่างกับรัฐบาล และส่วนตัวไม่เห็นว่าจะเข้าข่ายความผิดมาตราดังกล่าว และในข้อเท็จจริง ประชาชนก็สงสัยในเรื่องวัคซีน ที่นายกฯ เป็นผู้ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเอง
"พรรคก้าวไกลยังไม่ได้หารือแนวทางการสู้คดี ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลเตรียมจะเสนอร่างกฎหมาย มาตรา 112 อยู่แล้วผมขอยืนยันว่าเป็นหน้าที่และความชอบธรรมของประชาชนที่จะตั้งข้อสงสัย และเป็นหน้าที่รัฐบาลควรชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบคอบและเปิดเผยสัญญากับเอกชนทั้งหมดที่ทำ" นายชัยธวัช กล่าว
ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องการให้นายกฯ เปิดข้อมูลการสั่งซื้อวัคซีนของรัฐบาลทั้งหมดที่ทำกับเอกชน ไม่ว่ากับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ หรือบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพราะเป็นเรื่องที่สารณชนพึงรู้ อีกทั้ง เป็นงบประมาณภาษีของประชาชน จึงอยากรู้ว่าเงินที่จ่ายไปแลกกับวัคซีน 26 ล้านโดส สรุปแล้วตกราคาโดสละเท่าไหร่ และขีดความสามารถในการส่งมอบวัคซีนของบริษัทดังกล่าวคุ้มค่าหรือไม่"ให้ท่านเอาสัญญามากาง ไม่ใช่สัญญาเมื่อสายันต์ เอาสัญญามาก็จบ สิ่งเหล่านี้จะตอบได้หมด หากมีการกางสัญญาให้ประชาชนได้ดูและเป็นการปกป้องพระเกียรติยศได้ดีที่สุด การเก็บเงียบแล้วเอามาตรา 112 มาแจ้งความกับคนที่ตั้งคำถาม เป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลนี้มีอดีต ผบ.ทบ.ถึง 3 คน ควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และปกป้องพระเกียรติ ไม่ต้องมาปากดีทำภาพตัดแปะ ไม่เอา ถ้าบอกว่าผมเป็นขยะ หรือบอกว่าใครเป็นขยะ ท่านก็เป็นสวะเหมือนกัน" นายวิโรจน์ กล่าว