'สุพัฒนพงษ์' หนุนใช้กระบวนการนิติบัญญัติสยบม็อบ

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถา การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ในการประชุมสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน และสมาคมธุรกิจต่างๆ ถึงการชุมนุมทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยส่วนตัวมองว่าการรวมตัวแบบมีเหตุผล และอยู่ในกรอบกติกาถูกกฎหมายที่แสดงความเห็นต่างได้ แต่ถ้ามาแบบไม่มีเหตุผลก็มีกฎหมายดูแล รัฐบาลก็ต้องจัดการในกรอบของกฎหมาย เรื่องที่ออกมาเรียกร้องขณะนี้อยู่ในกระบวนการทางการเมือง ต้องไปดำเนินการในกระบวนการนิติบัญญัติซึ่งมีช่องทางแก้ไขได้ แม้จะส่งผลให้เศรษฐกิจสะดุดแต่มองว่าเป็นเพียงระยะสั้น รัฐบาลก็มีหน้าที่ประคับประคองการบริโภคให้มากขึ้น จากมาตรการภาครัฐที่ออกมา เพื่อสนับสนุนฟื้นฟูประเทศ
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รัฐบาลใช้ทุกมาตรการที่มีเพื่อเยียวยาสภาพคล่องเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลใช้เงินไปแล้วประมาณ 8 แสนกว่าล้านบาท
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค 3 แนวทาง คือ 1.การเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.โครงการคนละครึ่ง 3.โครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งรัฐบาลและภาคเอกชนคาดหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 วงเงินที่จะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค 3 มาตรการ จะอยู่ที่ 200,000 ล้านบาท ก็จะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจต่อไปได้
ด้านเสถียรภาพทางการเงินของประเทศไทยได้รับการประเมินจัดอันดับจากสถาบันการจัดอันดับทั่วโลก 3 แห่ง ยังยืนยันว่าประเทศไทยยังแข็งแรง แม้จะใช้งบประมาณในการเยียวยาฟื้นฟูโควิด-19 ไปมากก็ตามนอกจากนี้ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินหรือธนาคาร ยังมีความเข้มแข็ง มีการตั้งสำรองสูงสุดในอาเซียน มีทุนสำรองตามเกณฑ์ของสากลสูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย 
รัฐบาลตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ได้ร่วมกันออกแนวทางการช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่องในการพักชำระหนี้ให้แก่ทั้งภาคประชาชน เกษตรกร รวมทั้งภาคธุรกิจ ซึ่งล่าสุดมีหนี้ที่ได้รับการพักชำระรวมแล้วกว่า 7 ล้านล้านบาท จากลูกหนี้รวมทั้งหมดราว 12.5 ล้านคน
ทั้งนี้ในปี 2564 รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องเสถียรภาพทางการเงินที่พร้อมจะเติบโต งบประมาณภาครัฐที่ได้อนุมัติไปแล้วในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การควบคุมการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการร่วมมือกับประเทศที่มีความพร้อมเหมือนกับไทยในการเตรียมความพร้อมทันทีที่โควิด-19 มีสัญญาณที่จะจบลงจากการมีวัคซีนป้องกัน