เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการทำอุตสาหกรรมป่าไม้ ของบริษัทบอมเบย์เบอร์มา เทรดดิ้ง จำกัด จากประเทศอังกฤษและบริษัทอีส เอเชียติค จำกัด จากประเทศเดนมาร์กได้เข้ามาตั้งสำนักงานที่อยู่อาศัยและใช้เป็นท่าน้ำล่องซุงจากแม่น้ำยมสู่แม่น้ำเจ้าพระยาจนทำให้เมืองแพร่เป็นที่รู้จักว่า เป็นดินแดนแห่งไม้สักทองคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สถานที่แห่งนี้ จึงเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวจังหวัดแพร่มาหลายชั่วอายุคน ทั้งสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเที่ยวมาเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง
แต่ปรากฏเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 อาคารดังกล่าว ถูกรื้อถอนทำลายลง โดยปราศจากการศึกษาโครงการก่อนการดำเนินการ และไร้หลักวิชาการในการอนุรักษ์ฟื้นฟูอาคารอย่างถูกต้องไม่สร้างสรรค์การมีส่วนร่วม และการรับรู้ต่อชุมชนไม่สอดคล้องกับนโยบายในการอนุรักษ์ และพัฒนาเมืองเก่าแพร่ ที่ได้ทำการศึกษาตามแผนแม่บท ทั้งยังทำลายองค์ประกอบจิตวิญาณที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองแพร่ ลงอย่างย่อยยับ
1.ระงับการก่อสร้างโครงการ ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตะวัน จังหวัดแพร่ทันที
2.เปิดเผยข้อมูลโครงการ งบประมาณ รูปแบบการก่อสร้าง แผนการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบโครงการ
3.ตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบในการรื้อถอนทำลายอาคารประวัติศาสตร์
4.สร้างประชาคมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ในการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่สวนรุกขชาติอย่างเปิดกว้าง
5.หน่วยงานที่รับผิดชอบนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูบูรณะ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563
ทางด้านนางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ลงพื้นที่ดูบริเวณจุดที่มีการรื้อถอนตั้งแต่ช่วงเช้า และได้มีการสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมสั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ด้วย
"เมื่อแล้วเสร็จต้องให้เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว และสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนหรือซ่อมได้ คือความชำรุดเสียหาย ตอนนี้ขอให้ผู้ว่าฯได้ตรวจสอบ ตั้งแต่การเริ่มโครงการ และการของบประมาณจนการทำทีโออาร์ รวมทั้งการก่อสร้าง ว่าเป็นไปตามเจตนารมย์หรือไม่ ขอเวลาให้ได้ตรวจสอบก่อน"ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวทิ้งท้าย