โดย ดวงจันทร์ ที่พบมีทั้งหมด 20 ดวงมีขนาดใกล้เคียงกัน คือ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 กิโลเมตร มี 2 ดวงที่ใช้เวลาโคจรรอบดาวเสาร์ประมาณสองปี ในขณะที่อีก 18 ดวงใช้เวลามากกว่าสามปี
นอกจากนี้ ยังพบ ดวงจันทร์ใหม่ 17 ดวง ที่มีวงโคจรสวนทางกับทิศการหมุนรอบตัวเองของดาวเสาร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากดวงจันทร์บริวารเดิมนั้น มีจำนวนหนึ่งที่โคจรสวนทางกับทิศการหมุนรอบตัวเองของดาวเสาร์ และจากข้อมูลความเอียงของระนาบวงโคจรดวงจันทร์เหล่านี้ ทำให้นักดาราศาสตร์ สันนิษฐานว่า ดวงจันทร์เหล่านี้อาจเป็นชิ้นส่วนที่แตกออกของดวงจันทร์ขนาดใหญ่ในอดีต
สก็อตต์ เอส เชพเพิร์ด (Scott S. Sheppard) นักวิจัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์คาร์เนกี (Carnegie Institution for Science) เป็นผู้นำทีมค้นพบในครั้งนี้ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ซูบารุ (Subaru Telescope) ที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟเมานาเคอา (Mauna kea) รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดวงจันทร์ขนาดเล็กกับดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ในระบบสุริยะ ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถศึกษาเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์ได้
ที่มา : นายกฤษณะ ล่ามสมบัติ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ หอดูดาวภูมิภาคฯ นครราชสีมาเรียบเรียง