svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลปกครอง ชี้ "ผอ.เขตปทุมวัน-ผู้ว่าฯ กทม." ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้ารื้อตึกสร้างขัด ก.ม.

22 พฤศจิกายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลปกครองกลาง สั่ง ผอ.เขตปทุมวัน-ผู้ว่าฯ กทม.ใช้อำนาจตาม ก.ม.ครบถ้วนรื้อโรงแรมสูงเอดิทัส ซ.ร่วมฤดี ขัด ก.ม. หลังศาลปกครองสูงสุดตัดสินปี 57 ศาลยังไม่สั่งปรับ-แจ้งเอาผิดวินัยที่ทำช้า ชี้พื้นที่รื้อใกล้ชุมชนต้องระวังใช้ผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่ กทม.เคาะงบรื้อถอนแล้ว

ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ วันที่ 22 พ.ย.60 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเรื่องการบังคับคดี ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดง อ.588/2557 ที่ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ และเจ้าของที่ดินรวมทั้งผู้พักอาศัยที่อยู่ในซอยร่วมฤดีและร่วมฤดี 2 รวม 24 คน ยื่นฟ้อง ผอ.เขตปทุมวัน กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมี บริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมกร จำกัด ผู้ก่อสร้างฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นผู้ร้องสอดในคดี กรณีกรณีปล่อยให้บริษัทเอกชนก่อสร้างอาคารโรงแรมดิเอทัส และเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ดิเอทัส เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นโรงแรมและที่พักอาศัย ขนาดใหญ่พิเศษ ความสูงเกิน 23 เมตร โดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดว่าการก่อสร้างอาคารขนาดความสูงดังกล่าวจะทำไม่ได้ ในพื้นที่ที่มีเขตถนนซอยกว้างน้อยกว่า 10 เมตร

ซึ่งเดิมศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.57 ให้ ผอ.เขตปทุมวัน ผู้ถูกฟ้องที่ 1หรือผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 40-43 ดำเนินการกับบริษัท ลาภประทาน จำกัด ผู้ร้องสอด ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่ยังไม่มีการดำเนินตามคำพิพากษานั้น ต่อมากลุ่มผู้ฟ้องทั้ง 24 ราย จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งในชั้นบังคับคดี เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ได้ปฏิบัติและปฏิบัติล่าช้าเกินสมควรตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

โดยศาลปกครองกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ภายหลังจากที่ศาลเคยมีคำสั่งในชั้นบังคับคดีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.59ให้ ผอ.เขตปทุมวัน ผู้ถูกฟ้องที่ 1 หรือผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วนแล้ว ชั้นแรก ผอ.เขตปทุมวัน ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ก็ได้มีคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ม.42 ให้บริษัทก่อสร้างทั้งสอง รื้อถอนอาคารทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง แต่เมื่อครบกำหนดเวลาบริษัทไม่ดำเนินการรื้อถอนอาคาร แต่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง ก็ยังไม่ได้ใช้อำนาจตาม ม. 43 ในการเข้ารื้อถอนอาคาร จึงถือเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองปฏิบัติยังไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และยังได้ปฏิบัติล่าช้าด้วย

แต่เมื่อความล่าช้านั้น เกิดจากการที่อาคารของบริษัททั้งสอง มีลักษณะเป็นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษ อีกทั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบของอาคาร ประกอบด้วย บ้านพักอาศัย, อาคารพาณิชย์, สถานรับเลี้ยงเด็ก และถนนสาธารณะที่มีรถผ่านเข้าออกตลอด การดำเนินการรื้อถอนจึงต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและมีผู้ชำนาญการเข้ามาดำเนินการ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ได้อนุมัติงบประมาณในการรื้อถอนอาคารแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ย.60 ที่ผ่านมา โดยจะมีการดำเนินการจัดซื้อ-จัดจ้างตามขั้นตอนของกฎหมาย มีกำหนดระยะเวลารื้อถอนอาคารประมาณ 365 วัน

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การที่ ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดล่าช้า ไม่ได้เกิดจากการจงใจแต่เพราะมีเหตุอันสมควร ศาลปกครองกลาง จึงมีคำสั่งในชั้นบังคับคดี 1.ให้ยกคำร้องของผู้ฟ้องทั้ง 24 รายที่ขอให้ศาลสั่งปรับ ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 และแจ้งผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย

2.ให้ ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วน โดยใช้อำนาจตาม ม.43 ดำเนินการกับบริษัทผู้ก่อสร้างทั้งสองต่อไป 3.ให้สำนักบังคับคดีปกครองติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและรายงานให้ศาลปกครองกลางทราบทุกระยะจนกว่าจะมีการปฏิบัติครบถ้วน 4.หาก ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม. ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ให้ถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร ศาลจะไต่สวนเพื่อมีคำสั่งปรับผู้ถูกฟ้องทั้งสอง และแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยกับผู้ถูกฟ้องทั้งสองต่อไป

logoline