svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กตู่" เล็ง ให้ จนท.รัฐทุกระดับ แสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน

11 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะ ถก "คตช." กำชับ ดำเนินคดีทุกกลุ่มเท่าเทียม มอบ "กพ." ศึกษารอบคอบ ให้จนท.รัฐ ทุกระดับแสดงบัญชีทรัพย์สิน สั่ง ฝ่ายกม.พิจารณายกระดับ "ศอตช." ให้มีกม.รองรับ

11 ส.ค.60 เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่2/2560 โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นประธานว่า ก่อนการประชุมนายกฯ ได้มอบนโยบายก่อนการปฏิบัติว่าการดำเนินคดีกับทุกกลุ่มต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม เจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่เข้ามาสนับสนุนการกระทำผิด ต้องถูกดำเนินการด้วย การแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แก้ปัญหาเก่าแต่ไปสร้างปัญหาใหม่
นอกจากนี้อนุกรรมการด้านการป้องกันฯ ยังมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจัดเก็บไว้กับส่วนราชการที่สังกัด โดยใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) ได้มีการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยข้องอยู่แล้ว โดยนายกฯ ขอให้นำเรื่องนี้ไปศึกษาให้ถ่องแท้ ว่ามีประเทศใดบ้างที่ทำลักษณะนี้ และมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาหรือไม่ และถ้าจะทำให้กำหนดกรอบให้รัดกุม อย่าให้มีผลกระทบตามมา
ทั้งนี้ การแสดงบัญชีทรัพย์สินของข้าราชการที่เสนอเป็นการป้องกันข้าราชการที่เริ่มรับราชการต้องชี้แจงก่อนเข้ามามีทรัพย์สินอะไรบ้าง พอทำงานไปสักระยะก็จะต้องชี้แจงอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและปิดโอกาสให้ได้ยั้งคิด และนายกฯ ได้สั่งการว่า การดำเนินการครั้งนี้ถ้าจะทำต้องทำทุกกลุ่มเป้าหมาย กำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
นายประยงค์ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าของคดีสำคัญ เช่น การเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะโรงเรียนสามเสน ศอตช.ได้รายงานความคืบหน้าในที่ประชุมทราบว่า ป.ป.ท. ได้ตรวจสอบเสร็จแล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องต่อไปเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้เกี่ยวข้องกับกรณีเงินทอนวัด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้บูรณาการข้อมูลกัน ส่วนจะสาวไปถึงใครอยู่ที่เอกสารหลักฐาน
"นายกฯ ระบุว่าศอตช. ควรถูกยกระดับเป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายรองรับมากกว่าหน่วยงานเฉพาะกิจที่ออกตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปคิดเรื่องนี้ ว่าควรเป็นหน่วยงานกลางที่ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนหน่วยงานราชการหรือไม่" นายประยงค์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มีการสั่งการว่าจะต้องออกเป็นคำสั่งเร่งด่วนหรือไม่ นายประยงค์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นออกเป็นคำสั่ง เพียงแต่นายกฯ มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปศึกษา เนื่องจากการดำเนินงานที่ผ่านมาเห็นว่า ศอตช. เป็นกลไกเข้าไปขับเคลื่อนการดำเนินงานตรงนี้ นายกฯ จึงอยากให้องค์กรมีความเข้มแข็ง มีศักยภาพ ซึ่งนายกฯ ไม่ได้กำหนดเวลา แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบไปดำเนินการ

logoline