ครม.อนุมัติ 1.2 หมื่นล้าน ช่วยผู้มีรายได้น้อย 5.4 ล้านคน

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ระบุ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง

โครงการดังกล่าวจะครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนในเดือนช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในกลุ่มที่อยู่นอกภาคเกษตร ผู้ว่างงาน และผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี จำนวน 5.4 ล้านคน ใช้วงเงินดำเนินการทั้งสิ้น 12,750 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณบรรจุรายจ่ายไว้ในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2561

ในระหว่างนี้ให้ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือธ.ก.ส. ซึ่งเป็นธนาคารที่รัฐบาลมอบหมายให้ดำเนินการโครงการนี้สำรองจ่ายไปก่อน และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนบวก 1% หรือ FDR+1

การจ่ายเงินดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี จำนวน 3.1 ล้านคน จะได้รับเงินจากรัฐบาล 3 พันบาทต่อคน ใช้วงเงินรวม 9,300 ล้านบาท

ส่วนผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001 บาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี จำนวน 2.3 ล้านคน ได้รับเงินจากรัฐบาล 1,500 บาทต่อคน ใช้วงเงิน 3,450 ล้านบาท รวมวงเงินที่ต้องใช้ทั้งสิ้น 12,750 ล้านบาท โดยธนาคารที่รับผิดชอบโครงการทั้ง 3 แห่ง จะจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่มีสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1-30 ธันวาคมนี้

สำหรับวิธีการโอนเงินกรณีผู้มีรายได้น้อยมีบัญชีกับ 3 ธนาคารอยู่แล้ว ให้ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน ส่วนกรณีที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ผู้มีสิทธิ์ไปแสดงตัวและเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารที่ได้ลงทะเบียนตามโครงการ และสามารถตรวจสอบเงินในบัญชีได้หลังจากเปิดบัญชี 7 วัน

มาตรการเพิ่มรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อย เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และเมื่อจ่ายเงินไปถึงกลุ่มเป้าหมาย จะเกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งวงเงินที่ใช้ในโครงการจำนวน 12,750 ล้านบาท ถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ