พ่อค้า-แม่ค้าสะพานเหล็กฯ ร้อง กสม.สอบ กทม.สั่งรื้อร้านค้าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เมื่อวันที่่ 9 ต.ค.เวลา10.30น.ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตัวแทนผู้ค้าย่านสะพานเหล็ก สะพานหัน จำนวนกว่าร้อยคน เข้าร้องเรียนต่อ กสม.ผ่าน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการ กสม.เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีกรุงเทพมหานคร(กทม.) ภายหลังสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ และเขตพระนคร ได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร ร้านค้า ในพื้นที่สะพานเหล็กและสะพานหัน ในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ และเขตพระนครภายใน15วันนับตั้งแต่วันที่28ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่กลุ่มผู้ร้องเป็นผู้ประกอบการร้านค้าในบริเวณดังกล่าวตามสัญญาเช่าจากเอกชนที่ได้รับอนุญาตจาก กทม.มาหลายสิบปี และแม้ล่าสุดทางกลุ่มผู้ค้าจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่8ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางสำนักงานเขตกลับแจ้งว่าจะดำเนินการรื้อถอนภายในกำหนดเวลาเดิม และจะเริ่มตัดน้ำตัดไฟ ดังนั้นการออกคำสั่งให้รื้อถอนของเขตสัมพันธวงศ์ และเขตพระนคร จึงทำให้ผู้ค้าย่านสะพานเหล็กสะพานหันได้รับความเดือดร้อน และเป็นการละเมิดสิทธิชุมชน ละเมิดสิทธิการประกอบอาชีพของประชาชน

โดยตัวแทนผู้ค้ารายหนึ่งชี้แจงว่า กลุ่มผู้ค้าได้เช่าที่จากบริษัทเอกชนที่ได้สัมปทานจาก กทม.และมีใบเสร็จการจ่ายค่าเช่าชัดเจน แต่ กทม.กลับบอกว่ากลุ่มผู้ค้าบุกรุกพื้นที่ และให้ดำเนินการรื้อถอน หากไม่ทำ กทม.ก็จะเข้ามารื้อถอนเอง ซึ่งมีการให้เวลาผู้ค้ารื้อถอนอาคารร้านค้าภายในวันที่20ต.ค.นี้ ทางผู้ค้าจึงต้องมาร้องเรียน กสม.เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะมีการรื้อถอนเกิดขึ้น

ด้าน นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ทาง กสม.จะเร่งดำเนินการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว โดยตนจะทำจดหมายเชิญตัวแทนจากทุกฝ่ายทั้ง กทม.และผู้ค้า รวมทั้งอาจจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิหลายด้านมาร่วมหารือกันในสัปดาห์หน้า รวมทั้งอาจจะเชิญ พล.ต.  จำลอง ศรีเมือง ในฐานะอดีตผู้ว่า กทม.ที่เคยผ่อนผันให้มีการค้าขายในบริเวณดังกล่าวมาร่วมหารือด้วย เพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินการของ กทม.ในเรื่องดังกล่าวว่าถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องรับฟังเหตุผลของทาง กทม.ด้วยว่าเหตุใดจึงต้องมีการรื้อถอน เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิชุมชน สิทธิในการทำกินเลี้ยงชีพของประชาชน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จก่อนที่ตนจะพ้นวาระรักษาการเป็น กสม.อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กสม.แล้ว กลุ่มผู้ค้ายังได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนในกรณีเดียวกัน ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย