ราชทัณฑ์เร่งย้ายนักโทษยาเสพติด ไปเขาบิน

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรอบเวลา 30 วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กำหนดให้ปราบปรามปัญหายาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำให้เป็นศูนย์ว่า กรมราชทัณฑ์พยายามปราบปรามยาเสพติดและผู้ต้องขังที่เข้ามาใช้เรือนจำเป็นฐานในการสั่งซื้อขายยาเสพติด โดยมาตรการเร่งด่วนระยะที่หนึ่งคือการย้ายผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ลักลอบนำโทรศัพท์สั่งซื้อขายยาเสพติดไปคุมขังที่แดนความมั่นคงสูงสุด หรือซุปเปอร์แม็ก ที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี เบื้องต้นได้ย้ายไปแล้ว 129 คน และระยะที่ 2 จะนำข้อมูลการข่าวจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) มาคัดกรองเพื่อส่งผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ไปขังในแดนซูปเปอร์แม็กเพิ่มอีก 93 คน และระยะสุดท้ายจะพิจารณาจากบัญชีรายชื่อผู้ต้องขังจากเรือนจำทั่วประเทศซึ่งคาดว่าจะมีอีกประมาณ 200 คน ที่จะถูกส่งไปควบคุมตัวในซุปเปอร์แม็ก ซึ่งจะทำให้แดนซูปเปอร์แม็กรองรับผู้ต้องขังได้เต็มความจุประมาณ 400 คน อย่างไรก็ตาม การจะทำให้เรือนจำปราศจากยาเสพติดมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะสภาพเรือนจำมีการหมุนเวียนผู้ต้องขังอยู่ตลอด นอกจากนี้ผู้ต้องขังยังมีโอกาสพบญาติและทนายตามปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด 
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ตัวเลขของการลักลอบนำยาเสพติดเข้าเรือนจำมีสถิติลดลงเมื่อเทียบจากการตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังที่พบว่ามีปัสสาวะสีม่วงลดลงจากเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีกรณีพยายามนำยาไอซ์เข้าเรือนจำรวดเดียว 2 กิโลกรัม ซึ่งเหตุเกิดที่เรือนจำที่ จ.ชลบุรี ถือว่าเป็นการลักลอบนำเข้าปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยจับได้ ในส่วนมาตรการจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น คาดว่า ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่คงหยุดพฤติการณ์หรือหยุดความเคลื่อนไหวชั่วคราว จึงเป็นประเด็นที่ยังวางใจไม่ได้ ซึ่งมาตรการเบาสุดที่จะใช้ดำเนินการคือการย้ายไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการควบคุมผู้ต้องขัง หลังจากนี้จะส่งข้อมูลให้บช.ปส.และป.ป.ส. จับตาเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ลักลอบขนยาเสพติดเข้าเรือนจำเอง ตนได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการทันทีไปแล้ว 3-4 ราย ดังนั้น ถือว่าผลของการป้องกันปราบปรามดีขึ้นแต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นศูนย์ตามนโยบายคสช.หรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดทีโอที พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ในขณะนี้คงยังไม่ต้องพิจารณา เพราะคสช. อยู่ระหว่างการตั้งซุปเปอร์บอร์ดขึ้นมาพิจารณาความเหมาะสมของบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกชุด หลังจากนี้จึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของซุปเปอร์บอร์ด หากมีความเห็นสมควรอย่างใดก็แล้วความเห็นของซุปเปอร์บอร์ด