28 พฤษภาคม 2566 ที่บริเวณวัดเศวตวันวนาราม ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดงาน สืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ ของชาวตำบลเหนือ ประจำปี 2566 มีนายวัญณวัช จุลบุรมย์ นายกเทศมนตรีตำบลเหนือ ส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารสถานศึกษา ประชาชน เยาวชน จัดริ้วขบวนแห่บั้งไฟพื้นบ้าน พร้อมขบวนนางรำ ขบวนแฟนตาซีแสดงวิถีชุมชน
แต่ที่สร้างสีสันที่สุด คือขบวนแห่นางแมว ของผู้สูงอายุและเยาวชน โดยมีการแห่เซิ้งไปรอบ ๆ บริเวณจัดงาน เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาให้กับผู้ร่วมงาน และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นประเพณีเก่าแก่ แต่ปัจจุบันหาดูยาก และนับวันจะเลือนหาย เพิ่งจะมาพบเห็นในขบวนแห่บั้งไฟในวันนี้
นายวิรัช กล่าวว่า บุญบั้งไฟ หรือบุญเดือนหก เป็นหนึ่งในฮีต 12 คอง 14 ของชาวอีสาน ที่มีการสืบสานมาตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นบุญประเพณีขอฝนกับพญาแถน สิ่งศักดิ์สิทธ์แห่งฝน ตามคติความเชื่อ ซึ่งจะมีการจัดริ้วขบวนแห่ ประกอบด้วยขบวนบั้งไฟ ขบวนนางรำ ขบวนเซิ้งบั้งไฟ ขบวนแสดงวิถีชีวิตของชาวบ้าน
จากนั้นมีการจุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อเป็นเป็นการส่งสัญญาณ ถึงพญาแถนให้รู้ว่า ถึงฤดูฝนแล้ว เพื่อดลบันดาลให้ตกลงมาตามฤดูกาล เพื่อที่จะมีน้ำทำการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวอีสาน และมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหารให้บริบูรณ์ ทั้งนี้ ขอชื่นชมชาวตำบลเหนือ ที่ร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันจัดงานครั้งนี้ แสดงถึงพลังความรัก ความสามัคคี ถือเป็นตำบลต้นแบบ ในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป
นายวัญณวัช จุลบุรมย์ นายกเทศมนตรีตำบลเหนือ กล่าวว่า การจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ของชาวตำบลเหนือ 12 หมู่บ้าน จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ก่อนที่จะว่างเว้นไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามแล้ว ยังเป็นการให้กำลังใจเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพในฤดูฝน
นอกจากนี้ ยังเป็นการฟื้นฟู ขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อปลูกฝังค่านิยมความเป็นไทย เกิดความภาคภูมิใจ ในอัตลักษณ์ของท้องถิ่น และภูมิปัญญาการประดิษฐ์บั้งไฟ เพื่อจุดขึ้นฟ้า รวมทั้งการเซิ้งบั้งไฟ และแห่นางแมว ที่นับวันจะเลือนหาย หากไม่มีการอนุรักษ์และสืบสาน
ที่สร้างสีสัน และเสียงหัวเราะเฮฮาที่สุดคือ ขบวนเซิ้งนางแมว โดยกลุ่มผู้สูงอายุและเยาวชน ซึ่งล้อเลียนการแห่นางแมวในสมัยโบราณ โดยการใช้ตุ๊กตาแทนแมวตัวจริง เพื่อไม่ให้เป็นการทรมานสัตว์ ทั้งนี้ คนไทยเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจลึกลับ และเป็นสัตว์ที่มีสีเดียวกับเมฆ เช่น แมวสีสวาด เมื่อนำมาประกอบพิธีแห่นางแมว สามารถเรียกฝนให้ตกลงมาได้
ขณะที่ชาวอีสานมีความเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้าฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที จึงถือเป็นเคล็ดว่า ถ้าแมวร้อง จะเป็นเหตุให้ฝนตกลงมา ชาวบ้านจึงจับแมวใส่กรงหรือชะลอม เอาไม้คานสอดเข้าไปแล้วหามแห่ไปเรื่อย ๆ ขณะหามก็จะสาดน้ำใส่แมวเพื่อให้แมวร้อง เป็นอุบายให้ฝนตกลงมา จึงเกิดพิธีแห่นางแมวขึ้น
ซึ่งสมัยก่อน หากปีใดเกิดภาวะฝนแล้ง ชาวบ้านในถิ่นอีสาน จะรวมตัวกันจัดขบวนแห่นางแมวขอฝน แต่ปัจจุบันหาดูยาก ในการจัดขบวนแห่นางแมว จึงได้รับความสนใจ จากผู้ร่วมงาน และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก