svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ไลฟ์สไตล์

ลงทุนให้ "ดี" ลงทุนในคู่หู LTF-RMF ที่เลือกมาแล้วว่า "ดี"

24 พฤศจิกายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มนุษย์เงินเดือนอย่างเราน่าจะคุ้นเคยกันดีกับ LTF และ RMF คู่หูคนสำคัญที่ช่วยลดหย่อนภาษีไปพร้อมกับการลงทุน

โดยในแต่ละปี ทุกคนสามารถซื้อ LTF และ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้ ภายใต้เงื่อนไขว่าสามารถซื้อแต่ละประเภทกองทุนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 5 แสนบาท โดย LTF จะต้องถือครองไม่ต่ำกว่า 7 ปีปฏิทิน ส่วน RMF จะต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี โดยต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปีและลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ ดังนั้น ทั้งสองกองทุนจึงนับเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีเป็นการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด และเป็นการเตรียมตัวก่อนวัยเกษียณที่มีประสิทธิภาพ

หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุน LTF และ RMF ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET Index จะพบว่ากองทุน LTF "K20SLTF" และกองทุน RMF "KMSRMF" ของ บลจ. กสิกรไทย เป็น 2 กองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับ 1 ของตลาดLTF และ RMF หุ้นขนาดกลางและเล็ก

ลงทุนให้ "ดี" ลงทุนในคู่หู LTF-RMF ที่เลือกมาแล้วว่า "ดี"


กองทุนเปิดเค
ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล" เป็นกองทุน LTF ที่แบ่งสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 65% อยู่ที่หุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ไทย และมีนโยบายจ่ายเงินปันผล(ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง) ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสม โดยกองทุนนี้จัดเป็นกองทุนที่ดีเนื่องจากมีการคัดสรรหุ้นชั้นดีจำนวนไม่เกิน 20 บริษัทในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมากองทุน K20SLTF สร้างผลตอบแทนสูงถึง 18.16% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งคือ SET Index อยู่ที่ 6.03% และหากดูข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ (ณ 28 ต.ค 59) จะพบว่า K20SLTF ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับหนึ่งในช่วง 1 ปี และ 3 ปีย้อนหลังอีกด้วย

สำหรับกองทุนRMF เพื่อวางแผนเกษียณ ที่เลือกมาแล้วว่าดี ได้แก่ กองทุนเปิดเคMid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ "KMSRMF" จากข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์ (ณ 28 ต.ค. 59) จะเห็นว่า KMSRMF เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับ 1 ในช่วง 6 เดือน และ 1 ปีย้อนหลัง ในกลุ่ม RMF หุ้นขนาดกลางและเล็กโดยสามารถให้ผลตอบแทนได้ถึง 22.00% ในช่วง 6 เดือนย้อนหลัง และ 27.35% ในช่วง 1ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (SET Index) ในทุกช่วงเวลาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(กองทุนเพิ่งจัดตั้งเมื่อ 30 ก.ย. 58)

แนวทางการบริหารของทั้ง 2กองทุน มีจุดเด่นอยู่ที่การเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีที่ราคายังไม่แพงแต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีการกำหนดน้ำหนักสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม โดยพอร์ตส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในระยะยาวขณะที่บางส่วนอาจจับจังหวะเข้าลงทุนและขายทำกำไรในช่วงที่ดีที่สุด รวมถึงมีการติดตามหุ้นที่ลงทุนไว้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกหุ้นของ KMSRMF มีความแตกต่างกับ K20SLTF ตรงที่ KMSRMF เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่มากกว่า 500 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ซึ่งจุดเด่นของหุ้นขนาดกลางและเล็กเหล่านี้คือโอกาสที่จะเติบโตเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ K20SLTF และ KMSRMF เป็นสองกองทุนที่โดดเด่นที่น่าลงทุนในปีนี้ซึ่งดีทั้งในด้านผลตอบแทนอันดับ 1 ช่วยประหยัดภาษี และด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500 บาทก็สามารถออมระยะยาว พร้อมโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งก่อนตัดสินใจซื้อกองทุนคือการอ่านหนังสือชี้ชวนและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน #กองทุนกสิกรไทย โดยสามารถดูข้อมูลของ 2 กองทุนที่เลือกมาแล้วว่าดี "K20SLTF" และ "KMSRMF" ได้ที่ http://www.kasikornasset.com/Pages/LTF-RMF.aspx

 


สิ่งที่นักลงทุนต้องเตรียมตัวก่อนลงทุน LTF และ RMF คือ

1.เตรียมเงินลงทุนให้เหมาะสมกับระยะเวลาถือครอง LTF และ RMF โดยควรนำเงินที่สามารถออมได้ในระยะยาวมาลงทุนเพราะจะต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลานาน

2.คำนวณยอดเงินที่สามารถซื้อ LTF และ RMF ได้ โดยไม่ควรลงทุนเกินสิทธิ์ที่กำหนดลองคำนวณก่อนลงทุนได้ที่โปรแกรมคำนวณภาษีและเงินลงทุนใน LTF และ RMF ได้ที่ http://www.kasikornasset.com/Pages/CalTax.html

3.ประเมินความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้เพื่อเลือกกองทุนที่นโยบายการลงทุนเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง

4.เลือกกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนฝีมือดี สร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลประโยชน์สูงสุดในการลงทุน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

logoline