รีสอร์ตหรูติดริมน้ำ ตกแต่งสไตล์อังกฤษ อยู่ที่ ม.6 ต.ปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นรีสอร์ต ที่ "ศิริพร" อดีตหัวหน้าฝ่ายการเงินสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเงินที่ยักยอกจากสหกรณ์ฯ มาสร้าง จากการประเมินราคา มีมูลค่าขั้นต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ส่วน พวงทิพย์ อดีตผู้จัดการสหกรณ์ฯ มีการนำเงินที่ทุจริตออกจากสหกรณ์ฯ ไปซื้อทรัพย์สินประเภทที่ดิน เพื่อประกอบกิจการรีสอร์ตหลายจังหวัด
คดีนี้ สืบเนื่องจาก สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง กรณี มีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด อันเป็นความผิดอาญาฐานลักทรัพย์นายจ้าง
โดยพบว่ามีการทุจริตเงินสหกรณ์ฯ มากกว่า 600 ล้านบาท กระทำการหลายครั้งลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จาก พฤติการณ์ ของทั้ง ศิริพร และ พวงทิพย์ จึงเข้าข่ายการเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน เพื่อปกปิดแหล่งที่มา อันเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 237/2565 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565
จากการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า เมื่อยักยอกเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ เส้นทางทางการเงิน แยกไป 2 เส้นทางหลักคือ
เส้นทางที่ 1. ไปที่ ศิริพร อดีตหัวหน้าฝ่ายการเงินสหกรณ์ฯ ยักยอกเงินฝากของสมาชิก มาแปรสภาพเป็น บ้านพักอาศัย, ร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านกาแฟ อยู่ในจังหวัดปทุมธานี และรีสอร์ต ในจ.สมุทรสงคราม หากเป็นราคาซื้อขายจริง รีสอร์ต ณ บ้านทุ่งแห่งนี้ จะสูงกว่า 100 ล้านบาท
เส้นทางที่ 2. ไปที่ พวงทิพย์ อดีตผู้จัดการสหกรณ์ฯ นำเงินที่ทุจริตออกจากสหกรณ์ฯ ไปซื้อทรัพย์สินประเภทที่ดิน เพื่อประกอบกิจการรีสอร์ตหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ สระแก้ว ซื้อรถยนต์หรู และทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก โดยยังพบว่ามีการนำไปลงทุนซื้อหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนอื่นด้วย
หลังเช็กเส้นทางการเงิน ชัดเจนว่า เงินที่ศิริพร และ พวงทิพย์ ยักยอกไปจากสหกรณ์ แลัวนำไปฟอกเป็นทรัพย์สินอื่น 24 พฤษภาคม 2565 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ "ประกอบ เผ่าพงศ์" ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง "พันตำรวจเอก สมยศ อุดมรักษาทรัพย์" นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 6 จุด ได้แก่
บ้านพักอาศัยในจังหวัดปทุมธานี 2 จุด ภัตตาคารและร้านอาหารในจังหวัดปทุมธานี 2 จุด โรงแรมในจังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบูรณ์ 2 จุด
เพื่อแสวงหาหลักฐานและยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด เพื่อดำเนินคดีพิเศษ
ผลการตรวจค้น ทั้ง 6 จุด พบทรัพย์สินประเภทที่ดิน 8 แปลง รถยนต์เปอโยต์ รุ่น BIPPER 1 คัน รถยนต์ฮุนได รุ่น H-1 1 คัน รถยนต์ปอร์เช่ รุ่น คาเยน 1 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู รวมทรัพย์สินฯ ที่ตรวจยึด/อายัดไว้มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท
ดีเอสไอ จะดำเนินการสืบสวนสอบสวน และยึด/อายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยจะได้มีการสืบสวนสอบสวนและขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกับผู้เกี่ยวข้อง
ส่วนการบริหารงานภายในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 4 พฤษภาคม 2565 รมช.เกษตรและสหกรณ์ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้รับรายงานจาก อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ มีคำสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เนื่องจากคณะกรรมการฯ ยังไม่ตรวจสอบยอดความเสียหายจากการทุจริตให้แล้วเสร็จตามกำหนดของนายทะเบียน
เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ในวงกว้าง และกำชับให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำความเข้าใจกับสมาชิกว่าสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ ยังมีสภาพคล่องดีเพื่อไม่ให้สมาชิกตระหนกและแห่มาถอนเงิน