เปิดสาเหตุเหม็นไหม้คล้ายกำมะถัน PM2.5 พุ่งทั่วกรุง นักวิชาการแจงอันตรายแค่ไหน?
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
คนกรุงแตกตื่นกลางดึก กลิ่นเหม็นไหม้คล้ายกำมะถัน พร้อมค่าฝุ่นพิษ PM2.5 พุ่งสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุดกทม.เปิดสาเหตุที่แท้จริง ขณะนักวิชาการชี้มีความอันตรายมากแค่ไหน
21 มีนาคม 2567 จากกรณี ฝุ่นพิษPM2.5 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ผู้ใช้โซเชียลแอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ ต่างทวิตข้อความถึงเหตุการณ์เกิด กลิ่นไหม้ และกลิ่นคล้ายกำมะถัน ฟุ้งไปทั่วพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
นอกจากนี้ยังพบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงมากเข้าระดับอันตรายต่อสุขภาพ โดยต่างเข้ามาถามถึงสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ทั้งๆที่ฝนเพิ่งตกไป น่าจะทำให้สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นได้ ส่งผลให้แฮชแท็ก #กลิ่นไหม้ พุ่งติดเทรนด์ X อย่างรวดเร็ว
ค่าฝุ่นพิษ PM2.5 อันตรายต่อสุขภาพ
จากการตรวจสอบข้อมูลจากดาวเทียม ของGISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 20 มีนาคม 2567 พบว่า 47 เขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ
พื้นที่ที่มีค่าฝุ่นพิษ PM2.5 อันตรายอันดับต้นๆ ดังนี้
- เขตดอนเมือง 143.5 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตหลักสี่ 143 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตบางซื่อ 139 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตจตุจักร 128.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตพญาไท 127 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตราชเทวี 122 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตบางพลัด 121.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตดุสิต 121.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตบางกอกน้อย 119.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตสายไหม 117.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
- เขตบางเขน 114.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ดาวเทียม NASA พบจุดความร้อนมหาศาล
ขณะที่ ดาวเทียมของ NASA ได้เปิดภาพจุดความร้อน ผ่านเว็บไซต์ NASA Firms พบว่า รอบประเทศไทยนพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้ง เมียนมา และ กัมพูชา มีจุดความร้อนสีแดงเข้มอย่างหนาแน่น
ขณะที่ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุถึงทิศทางลมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 67 เป็นการพัดจากทิศตะวันออกมาทางตะวันตก ซึ่งอาจมีผลทำให้หมอกควันจากัมพูชาพัดเข้าสู่งประเทศไทยทางภาคตะวันออกและอ่าวไทย
กทม. เปิดสาเหตุกลิ่นเหม็นไหม้ ค่าPM2.5 พุ่ง
ล่าสุด นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ให้คำตอบถึงสาเหตุของค่าฝุ่น PM2.5 ที่กลับมาพุ่งสูงใน กทม. เนื่องตากสาเหตุดังนี้
- 1. ทิศทางลมวันที่ 20 มี.ค. 67 เป็นทิศตะวันออก ซึ่งต่างจากวันอื่น ๆ ช่วงนี้ที่มาจากอ่าวไทย ส่วนจุดเผาในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมาพบที่ปริมณฑลหลายจุด
- 2. ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อน ประกอบกับมีความกดอากาศสูงผ่านทางอีสานมาเมื่อวาน ส่งผลให้ความสูงของชั้นบรรยากาศผสม (Mixing Height) ลดต่ำลง ฝุ่นละอองเกิดการสะสมตัวเพิ่มมากขึ้น
- 3. ความชื้นในบรรยากาศทำให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ทุติยภูมิ (Secondary PM2.5) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนิดที่เกิดจากสารประกอบไนโตรเจนและแอมโมเนียจะเกิดปฏิกิริยาได้ดีในสภาวะที่มีความชื้นสูง
- 4. รูปแบบฝุ่นทุติยภูมิ (Secondary PM2.5) เกิดจากก๊าซบางชนิดที่ลอยอยู่ในอากาศ เช่น ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ทำปฏิกิริยากับแสงแดด กลายเป็นฝุ่นลอยอยู่ในอากาศ มักเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม
นักวิชาการชี้ กลิ่นไหม้คล้ายกำมะถัน อันตรายหรือไม่?
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เปิดเผยถึงสาเหตุกลิ่นเหม็นไหม้ ผ่านการสัมภาษณ์และโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "" ระบุว่า
การเกิดเหตุกลิ่นไหม้แสบตาแสบจมูกแบบเจือจางในกทม. คืนวันที่ 20 มี.ค. 67 น่าจะมาจากสาเหตุดังนี้
- 1.สถานการณ์สภาพอากาศในกทม. วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ฝนตกหนักหลายพื้นที่ในช่วงเช้าและฝนตกเกือทั้งวันหลังฝนตกในและช่วงกลางคืนจึงมีความชื้นสูงมากที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ
- 2.ก่อนหน้านั้นอากาศร้อนปกคลุมกทม. มาหลายวันเมื่อมีความกดอากาศสูงหรือมวล อากาศเย็นพัดเข้าปะทะทำให้ฝนตกลงมา ค่อนข้างมาก การที่มวลอากาศเย็นพัดปก คลุมพื้นที่ทำให้อากาศปิดอัตราการระบายอากาศในแนวดิ่งเกิดได้น้อยและลมค่อนข้างนิ่ง
มลพิษทางอากาศทั้งฝุ่น PM2.5 และอนุภาคของกำมะถัน คาร์บอนต่างๆมีปริมาณมากมาจากรถยนต์ การเผาในที่โล่งและโรงงานต่างๆที่เกิดตลอดวันในเขตกทม.และปริมณฑล จะลอยไปสะสมอยู่ในบรรยากาศใกล้ผิวโลกเมื่อรวมกับO2 กลายเป็น SO3 (ก๊าซซัลเฟอร์ไตรออกไซด์),CO2(ก๊าซคาร์บนไดออกไซด์) เป็นต้น สะสมในบรร ยากาศ เมื่ออากาศมีความชื้นสูงจึงทำปฎิกิยากับSO3และ CO2 กลายเป็นกรดซัลฟิวริคและกรดคาร์บอนิค บางส่วนแตกตัวเป็นSO2และCO2ด้วย กรดซัลฟิวริคปกคลุมผิวดินทำให้เกิดอาการแสบตาแสบจมูกได้ และSO2จะมีกลิ่นคล้ายกำมะถันและกลิ่นไหม้
อย่างไรก็ตาม แต่ทั้งหมดไม่ได้มีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเจือจางแล้วเพียงแค่ได้กลิ่น หากความชื้นในอากาศน้อยลงและลมพัดแรงขึ้นเหตุการณ์นี้ก็จะหายไป