วิตามินซีไม่ได้มีแค่ในของเปรี้ยว เปิด 11 ผักและผลไม้กินต้านหวัด อัพผิวสวย

วิตามินซีมีดีตรงไหน?

วิตามินซี หรือกรดแอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นวิตามินที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง แต่มีความสำคัญอย่างมากกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายได้รับจากกระบวนการสันดาปของร่างกายและจากมลพิษต่างๆ ที่จะส่งผลให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพ ชะลอริ้วรอยและความแก่ชรา ส่งผลให้มีผิวพรรณที่มีสุขภาพดีขึ้นได้

นอกจากประโยชน์ในเรื่องของผิวพรรณที่สาวๆ รู้กันแล้ว วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการป้องกันหวัด เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคที่มาจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เส้นเลือดอุดตันในหลอดลม เป็นต้น  

อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี

แหล่งวิตามินซีใกล้ตัวเรา สามารถพบได้ในผักและผลไม้ชนิดต่างๆ ที่มีรสเปรี้ยว โดยพบมากในส้ม มะนาว สับปะรด มะขาม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และมะเขือเทศ ทว่า ยังมีผักผลไม้ไม่เปรี้ยวแต่วิตามินซีสูงอีกหลายชนิด มีอะไรบ้างมาดูกัน

1 พริกหวาน
พริกหวานไม่เพียงเพิ่มรสชาติของอาหารด้วยสีสัน ทั้งสีแดง สีเหลือง สีเขียว ให้น่ารับประทานแล้ว ยังเป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำที่มา พร้อมกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว โดยพริกหวานแดง 1 ถ้วย มีวิตามินซีประมาณ 190 มิลลิกรัม สูงกว่าส้มถึง 3 เท่า

พริกหวานสีเหลือง 1 ถ้วย ให้วิตามินซี 155 มิลลิกรัม ในขณะที่พริกหวานเขียว 1 ถ้วยให้วิตามินซีน้อยกว่าเล็กน้อย คือประมาณ 120 มิลลิกรัม แต่ก็สูงกว่าน้ำส้มคั้น 1 แก้วถึง 30% พริกหวานยังเป็นแหล่งวิตามินเอและใยอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย และช่วยป้องกันการเกิดโรคอื่นๆ อีกด้วย

2 ผักเคล (คะน้าใบหยิก)

ผักที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีของผักใบเขียว” โดยผักเคลปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินซีอยู่ถึง 80.4 มิลลิกรัม ผักชนิดนี้ยังมีกรดไขมันจำเป็น แร่ธาตุหลายชนิด และประกอบด้วยวิตามินเคสูงถึง 7 เท่าของปริมาณที่แนะนำ และวิตามินเอสูงกว่า 2 เท่าของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

นอกจากนี้ ผักเคล 2 ถ้วยยังมีสารต้านอนุมูลอิสระถึง 150 มิลลิกรัม และให้โพแทสเซียมประมาณ 700 มิลลิกรัม และกากใย 7 กรัม

3 ผักคะน้า

ผักใบเขียวที่มีประโยชน์หลายด้านต้องยกให้ “คะน้า”  ที่มีวิตามินซีสูง 147 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ผักคะน้าสามารถกินได้ตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก มีคุณสมบัติที่ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีและกำจัดสารพิษในร่างกาย โดยสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด แต่ควรล้างให้สะอาดเพื่อช่วยลดการตกค้างของสารเคมี

4 ผักปวยเล้ง  

ผักปวยเล้งมีวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อย่างเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม และยังมีกรดโฟลิกที่เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้สนิท

5 ใบมะรุม

มะรุมเป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง มีวิตามินซี 141 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม โดยทุกส่วนของต้นมะรุมสามารถกินได้ ใบของมะรุมมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยต้านอนุมูลอิสระได้

6 ผักตระกูลกะหล่ำ
แหล่งวิตามินซีที่ดีมีในผักตระกูลกะหล่ เช่น กะหล่ำดาว 100 กรัม มีวิตามินซี 85 มิลลิกรัม, กะหล่ำดอก 100 กรัม มีวิตามินซี 48.2 มิลลิกรัม, กะหล่ำแดง 100 กรัม ให้วิตามินซี 57 มิลลิกรัม และกะหล่ำปลี 100 กรัม ให้วิตามินซี 36.6 มิลลิกรัม เป็นต้น

และอีกหนึ่งผักตระกูลกะหล่ำที่รสชาติดีและมักเห็นในเมนูสลัด คือบร็อคโคลี่ ที่มีวิตามินซีสูงถึง 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม เป็นแหล่งใยอาหารที่ช่วยป้องกันท้องผูก และมีคุณสมบัติที่อาจป้องกันการเกิดมะเร็งได้

7 มะละกอ
ผลไม้รสชาติหวานอร่อย ปริมาณ 100 กรัม ให้วิตามินซีสูง 70 มิลลิกรัม ไม่ว่าจะรับประทานเป็นชิ้นหรือปั่นเป็นเครื่องดื่ม มะละกอยังมีเส้นใยอาหารและวิตามินเอ หากรับประทานทุกวันจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดอาการไซนัส ช่วยให้เส้นผมและกระดูกแข็งแรง ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน และมะละกอสุกยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม

8 ฝรั่ง

ถึงแม้ว่าฝรั่งจะเป็นผลไม้ที่ไม่ได้มีรสชาติเปรี้ยว แต่ฝรั่งเป็นผลไม้วิตามินซีสูงมากอันดับต้นๆ โดยฝรั่ง 1 ผลกลางมีปริมาณวิตามินซีถึง 160 มิลลิกรัม ซึ่งแค่ฝรั่งลูกเดียวก็เพียงพอสำหรับความต้องการวิตามินซีในร่างกายต่อ 1 วัน ในเปลือกสีเขียวของฝรั่งเป็นแหล่งรวมวิตามินซีชั้นดี จึงควรกินฝรั่งในช่วงที่ผลสุกกำลังดี ผิวยังเป็นสีเขียวอยู่ เพราะวิตามินซีในฝรั่งจะค่อยๆ ลดลงเมื่อผลสุกงอมเกินไป

9 ลิ้นจี่

ลิ้นจี่ ผลไม้เนื้อฉ่ำน้ำรสชาติหวานหอม ก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้วิตามินซีสูง ในลิ้นจี่ประมาณ 100 กรัม จะให้วิตามินซีประมาณ 70 มิลลิกรัม และนอกจากประโยชน์ของวิตามินซี ในลิ้นจี่ยังมีวิตามินและแร่ธาตุชนิดที่ช่วยปกป้องภูมิคุ้มกันร่างกาย เช่น วิตามินบี 1 ที่ช่วยป้องกันอาการเหน็บชา ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูก และฟัน โดยลิ้นจี่ วิตามินซี 71.5 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ดังนั้น กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้รับปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายต้องการแล้ว

10 เงาะ

ผลไม้รสหวานฉ่ำอย่างเงาะ ก็เป็นผลไม้วิตามินซีสูง เงาะ 100 กรัม ให้วิตามินประมาณ 53 มิลลิกรัม และนอกจากประโยชน์ของวิตามินซี ในเงาะยังมีใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย ช่วยยับยั้งการเกิดโรคต่างๆ อย่างโรคมะเร็ง และยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้ แก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงอยู่ด้วย แต่ไม่ควรทานเพลินมากเกินไป เพราะในเงาะยังมีสารแทนนินสูง กินมากไปอาจปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูกได้ด้วยเหมือนกัน

11 พุทรา

พุทราเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง และยังเป็นอีกหนึ่งผลไม้วิตามินซีสูง นอกจากประโยชน์ของวิตามินซี ในพุทรายังมีสรรพคุณช่วยช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ สำหรับใครที่มีปัญหานอนไม่ค่อยหลับ พุทราอาจจะช่วยได้เพราะพุทรามีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท ป้องกันอาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ นอกจากนี้พุทราก็มีใยอาหารมากมาย มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีอีกด้วย