svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

SMBG เช็กระดับน้ำตาลในเลือดมีประโยชน์แค่ไหน และใครบ้างที่ควรทำ!

วัดค่าคุมหวานด้วยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเอง ทางเลือกควบคุมระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เลือกอย่างไร ทำตอนไหน แล้วแปลค่าว่าอะไรมาดูกัน

การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง (Self-Monitoring of Blood Glucose) หรือ SMBG เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน การทราบผลระดับน้ำตาลในเลือดเป็นตัวชี้วัด ผลของยาที่ใช้รักษา ทำให้มีการวางแผนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ข้อมูลโดย พญ.ณัฐกานต์ มยุระสาคร ศูนย์เบาหวานและเมตาบอลิก โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายว่า Self-Monitoring of Blood Glucose (SMBG) คือการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง โดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วและเครื่องตรวจระดับน้ำตาล (glucometer) ทำได้สะดวกที่บ้าน

SMBG เช็กระดับน้ำตาลในเลือดมีประโยชน์แค่ไหน และใครบ้างที่ควรทำ!

ประโยชน์ของการตรวจ SMBG

  1. รู้ระดับน้ำตาลในเลือดทันที เพื่อใช้ตรวจสอบเมื่อมีอาการผิดปกติ สงสัยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อมีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน ก่อนและหลังการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การขับรถทางไกล และก่อนฉีดยาอินซูลิน เป็นต้น
  2. ช่วยลดอาการฉุกเฉินของโรคเบาหวาน ได้แก่  น้ำตาลในเลือดต่ำ และน้ำตาลในเลือดสูง
  3. ช่วยลดน้ำตาลสะสม โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่หนึ่ง
  4. ช่วยลดโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน เช่น เบาหวานขึ้นตา เบาหวานลงไต เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม โดยเฉพาะในเบาหวานชนิดที่หนึ่ง
  5. ช่วยในการปรับพฤติกรรม (lifestyle modification) เลือกรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และช่วยปรับยาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง

ใครบ้างควรตรวจ SMBG

  • ผู้ที่ใช้ยาฉีดอินซูลิน ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่หนึ่ง ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สองที่ฉีดอินซูลินมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน
  • คุณแม่ตั้งครภ์ ที่อาจเสี่ยงเป็นเบาหวานขณะตั้งครภ์
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และมีความตั้งใจอยากคุมน้ำตาลให้ดีขึ้น เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
  • คนที่มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย เช่น เหงื่อแตก ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย หิว โหยของหวานนอกมื้ออาหาร หรือช่วงกลางคืน

SMBG เช็กระดับน้ำตาลในเลือดมีประโยชน์แค่ไหน และใครบ้างที่ควรทำ!

วิธีเลือกเครื่องตรวจระดับน้ำตาล (glucometer)

ควรเลือกที่มีการรับรองจาก US FDA หรือองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอมเริกา หรือมาตรฐาน ISO โดยตรวจสอบได้ที่ guide โดยเครื่องควรมีความคลาดเคลื่อนจากผลตรวจในห้องปฏิบัติการน้อยกว่าร้อยละ 15

สำหรับสิ่งรบกวนการตรวจ ได้แก่ การรับประทานยาวิตามินซีในขนาดสูง หรือภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ

แบบแผนในการตรวจ SMBG และค่าเป้าหมาย จะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย การวางแผนที่ดีทำให้ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการตรวจ ยกตัวอย่าง 

  • ตรวจก่อนฉีดยาอินซูลินในผู้ป่วยที่ฉีดอินซูลินเพื่อปรับปริมาณยาฉีด โดยค่าน้ำตาลเป้าหมายก่อนอาหารโดยทั่วไปจะเท่ากับ 80-130 มก.ต่อ ดล. เพื่อให้ได้ค่าน้ำตาลสะสม (HbA1C) 6.5 -7% โดยมีการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่หนึ่งพบว่าเมื่อตรวจบ่อยขึ้นหลาย ๆ ครั้งต่อวัน น้ำตาลสะสมจะลดลงตามจำนวนครั้งของการตรวจ
  • ตรวจหลังรับประทานอาหาร น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงสุด 1-2 ชั่วโมงหลังอาหาร เพื่อเรียนรู้ผลของอาหารต่อระดับน้ำตาลในเลือด ค่าเป้าหมายทั่วไป น้อยกว่า 180 มก.ต่อ ดล. เพื่อให้ได้ค่าน้ำตาลสะสม HbAC 6.5-7%
  • ตรวจก่อนนอนในผู้ป่วยที่ฉีดยาอินซูลิน เพื่อใช้ปรับยาและป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • ตรวจเมื่อมีอาการสงสัยน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะอาการเกิดจากสารอะดรีนาลีนหลั่งซึ่งมีหลายสาเหตุ บางครั้งการดื่มของหวานชื่นใจทำให้อาการดีขึ้น ทั้งที่ไม่ได้มีน้ำตาลในเลือดต่ำจริงก็ได้ หรือในทางกลับกันบางคนน้ำตาลในเลือดต่ำเหลือ 65 มก.ต่อ ดล.แต่ไม่มีอาการ เพราะน้ำตาลต่ำบ่อย จนร่างกายปรับตัว ไม่มีอาการเตือน ซึ่งอันตรายกว่า
  • ตรวจเมื่อมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง หิวน้ำ เพลีย ไม่มีแรง เป็นต้น
  • ตรวจเมื่อเจ็บป่วยเฉียบพลัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่ง อาจต่ำหรือสูงกว่าปกติได้

ระดับน้ำตาลในเลือดดูอย่างไร?

การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด หรือการเจาะน้ำตาลหลังอดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar: FBS)โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือด ณ ขณะนั้นว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งการตรวจน้ำตาลในเลือดนี้เป็นการตรวจที่ช่วยคัดกรองและวินิจฉัยว่าเรามีเสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่?!

ระดับน้ำตาลในเลือดดูอย่างไร? 

  • ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 70-100 คุณอยู่ในภาวะปกติ
  • ระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 100 – 125 คุณมีภาวะความเสี่ยง หรือเรียกว่า เบาหวานแฝง
  • ระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่า 126 คุณมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

ทั้งนี้ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งระดับน้ำตาลที่ปกติ จะอยู่ที่ประมาณ 70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่หากค่าที่ได้สูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ขึ้นไปอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน

อาการของเตือนภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มักมีดังต่อไปนี้

  • เหนื่อยง่าย
  • กระหายน้ำมาก
  • ปัสสาวะบ่อย (โดยเฉพาะกลางคืน)
  • ปวดศีรษะ
  • มองเห็นไม่ชัด

หากปล่อยให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ เป็นเวลานาน อาจส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือด จนเกิดภาวะอักเสบและอุดตัน และอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย

ปัจจุบัน เราสามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตนเอง (Self Monitoring of Blood Glucose) ซึ่งสามารถตรวจได้เองเป็นประจำ มีข้อดีคือ ทำให้ทราบความเสี่ยงว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ และทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถปรับพฤติกรรมการดูแลตนเองได้ทันที

 

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลสุขภาพ : โรงพยาบาลพระรามเก้า / โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ