svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

รู้จัก 'โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง' ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ

ปวดหัวแบบไหนอันตรายขั้นสุด!! เปิดสัญญาณ "โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง" อาการโป่งพองของหลอดเลือดที่อาจมีขนาดใหญ่และกดเบียดสมองหรือเส้นประสาท ทำให้การมองเห็นผิดปกติ ซ้ำยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง อันตรายถึงชีวิต

รู้หรือไม่? ความผิดปกติหลอดเลือดโป่งพองในสมองที่ยังไม่แตก (Unruptured cerebral aneurysm) มักตรวจพบโดยบังเอิญและยังไม่มีอาการ มีเพียงแค่ประมาณ 1% เท่านั้น ที่ตรวจพบจะแสดงอาการ โดยอาการของหลอดเลือดสมองโป่งพองเมื่อยังไม่มีการแตก จะมีอาการหลักคือปวดศีรษะ แต่อาจพบอาการอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนได้

เรื่องของอาการปวดหัว บางครั้งไม่อาจนิ่งนอนใจ ล่าสุดพบเคสใหญ่ ผู้ป่วยปวดหัว ตามัวมานาน ตัดสินใจพบแพทย์ ผลตรวจ MRI เผยความจริง พบเส้นเลือดสมองโป่งพองแต่ยังไม่แตก (non rupture aneurysm) โดยทีมแพทย์โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ สามารถรักษาตามแผนการรักษาได้สำเร็จ

สำหรับ "โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง" นับเป็นภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ โดยในร่างกายของเรามีหลอดเลือดที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ หลอดเลือดแดง และหลอดเลือดดำ สำหรับหลอดเลือดแดง (Artery) จะมีหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ส่วนหลอดเลือดดำจะทำหน้าที่นำเลือดเสียจากอวัยวะต่างๆ ของร่างกายไปฟอกที่ปอด หากเกิดความผิดปกติที่หลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) ที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงตามอวัยวะสำคัญ ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกาย และบางรายอาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้ โดยโรคเส้นเลือดที่เป็นอันตรายไม่แพ้โรคเส้นเลือดสมองตีบตัน นั่นคือ “โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง”

รู้จัก 'โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง' ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ

โรคเส้นเลือดโป่งพองในสมองคืออะไร

โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) เกิดจากการเสื่อมสภาพของผนังเส้นเลือดเฉพาะจุด ทำให้ผนังเส้นเลือดบริเวณนั้นมีลักษณะบางลงกว่าบริเวณอื่น เมื่อมีความดัน หรือมีกระแสเลือดไหลผ่านไประยะหนึ่งจะทำให้บริเวณผนังหลอดเลือดที่บางนั้นโป่งพองขึ้นคล้ายบอลลูน และอาจแตกออกได้ในเวลาต่อมา ซึ่งจะก่อให้เกิดการเลือดออกในชั้นใต้เยื่อหุ้มสมอง นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ เช่น โรคถุงน้ำที่ไต ภาวะเส้นเลือดแดงใหญ่ตีบ และอุบัติทางสมองที่มีการบาดเจ็บของเส้นเลือดสมอง เป็นต้น โรคนี้อาจเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดโดยไม่มีอาการเตือน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เส้นเลือดที่โป่งพองนั้นแตก และเสียชีวิตได้อย่างกะทันหัน


ความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง

หากหลอดเลือดสมองที่โป่งพองแตกจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงมากถึง 24% เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงแรก และ 50% จะเสียชีวิตใน 3 เดือนถัดมา

รู้จัก 'โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง' ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ

สังเกตอาการปวดศีรษะ สัญญาณเส้นเลือดสมองโป่งพอง

ในกลุ่มคนที่มีเส้นเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่แล้วกดทับเนื้อเยื่อสมองหรือเส้นประสาทสมอง อาการที่แสดงออกมาจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ถูกกดทับ เช่น หากกดทับบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวบริเวณใบหน้า เป็นต้น เมื่อเกิดเส้นเลือดสมองโป่งพองขนาดใหญ่จะทำให้เลือดไหลวนอยู่ภายในจนอาจมีลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันในเส้นเลือดสมองส่วนปลายทำให้สมองขาดเลือด อาการที่แสดงออกจะเป็นไปตามบริเวณของสมองที่ขาดเลือด

ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง มักจะเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ทันเวลาอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะเส้นเลือดที่โป่งพองอาจเกิดการขยายและกดทับเส้นประสาท หากปล่อยให้หลอดเลือดโป่งพองและแตกออกจะทำให้เกิดเลือดคั่งในสมอง โดยก้อนเลือดนั้นอาจไปกดเบียดเนื้อสมองทำให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตได้อีกด้วย

นอกจากนี้ เรายังสามารถสังเกตอาการอื่นๆ ได้ ดังนี้

  • สับสน ซึมลง
  • แขนขาอ่อนแรง
  • หน้าเบี้ยวครึ่งซีก
  • มีอาการเหน็บชาตามร่างกายครึ่งซีก
  • พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด รวมถึงมีอาการกลืนลำบาก และสำลัก
  • เห็นภาพซ้อน ภาพมัว มองไม่ชัด

ส่วนอาการที่ปรากฏเมื่อหลอดเลือดโป่งพองมีการรั่วหรือแตก (Ruptured cerebral aneurysm) ได้แก่ อาการเลือดออกในชั้นเยื่อหุ้มสมอง คือปวดศีรษะฉับพลันทันที คลื่นไส้ อาเจียน ปวดตึงต้นคอ คอแข็ง หมดสติ ชักเกร็ง ระดับความรู้สึกตัวลดลง ซึ่งหากเกิดขึ้น เป็นภาวะที่มีความเสี่ยงต่อการทุพพลภาพและเสียชีวิตค่อนข้างสูง จึงควรรีบพบแพทย์เมื่อสงสัยภาวะนี้ 

รู้จัก 'โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง' ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นเลือดในสมองโป่งพอง

โรคเส้นเลือดในสมองโป่งพองจะรู้ตัวได้ก็ต่อเมื่อมีอาการปวดศีรษะ หรือเกิดอาการที่แสดงออกมากแล้วเท่านั้น ดังนั้น การตรวจสุขภาพจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ตรวจพบโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองได้ ซึ่งกลุ่มที่ตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองโดยบังเอิญ มักเป็นกลุ่มที่ไม่มีการแสดงอาการใดๆ แต่ตรวจพบโรคได้จากการตรวจสมอง เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองความเร็วสูง (CT Scan) เป็นต้น

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของ "โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง"

สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติและความอ่อนแอลงของผนังหลอดเลือดที่เกิดภายหลัง เช่น 

  • มีโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีประวัติสูบบุหรี่ ใช้สารเสพติดมาก่อน
  • ประวัติคนในครอบครัวใกล้ชิด (first degree relative) มีภาวะหลอดเลือดโป่งพองในสมอง
  • มีโรคทางพันธุกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวข้างต้น
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะการดื่มครั้งละมากๆ  
  • การบาดเจ็บที่บริเวณสมอง 
  • การติดเชื้อในหลอดเลือด 
  • การมีภาวะหลอดเลือดแดงฉีกเซาะ 
  • โรคมะเร็งบริเวณศีรษะและคอ 

ปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรม หรือทางกายภาพ ได้แก่ 

  • เพศหญิง 
  • อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง 
  • เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น Fibromuscular dysplasia,  Hereditary hemorrhagic telangiectasis, Ehlers-Danlos syndrome, Marfan syndrome, neurofibromatosis type 1 
  • มีภาวะโรคถุงน้ำ เช่น polycystic kidney disease, tuberous sclerosis
  • มีภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองแต่กำเนิด 

โรคเส้นเลือดโป่งพองในสมองป้องกันได้หรือไม่?

หากพบว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นเส้นเลือดสมองโป่งพอง ควรตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงทุกปี หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด หรืออาหารที่มีไขมันสูง และเน้นรับประทานผัก ผลไม้ให้มาก หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติด ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก

รู้จัก 'โรคเส้นเลือดสมองโป่งพอง' ภัยเงียบที่มากับอาการปวดศีรษะ

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง

เนื่องจากความเสี่ยงของหลอดเลือดโป่งพองขึ้นอยู่กับขนาดของหลอดเลือดที่โป่งพอง โดยเฉพาะหลอดเลือดที่มีขนาดใหญ่กว่า 7 มิลลิเมตรขึ้นไป จะเพิ่มโอกาสของการปริแตกมากขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับขนาดที่เล็กกว่า 7 มิลลิเมตร รวมถึงตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพองซึ่งจะมีผลต่อแรงกระแทกต่อหลอดเลือดนั้น เช่น หลอดเลือด Posterior communicating artery aneurysm จะมีความเสี่ยงในการแตกมากที่สุดเมื่อเทียบกับหลอดเลือดโป่งพองที่มีขนาดเท่ากันในตำแหน่งอื่น เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีแรงกระแทก การไหลวนของเลือด (turbulent flow) มาก 

หากหลอดเลือดโป่งพองมีขนาดไม่ใหญ่ มักจะใช้การติดตามเป็นระยะๆ เพื่อดูอัตราการโตของหลอดเลือดโป่งพองนั้น หากมีความเสี่ยงที่จะแตกมากขึ้น จำเป็นจะต้องทำการอุดปิดหลอดเลือดที่โป่งพองเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดปริแตก หรือเมื่อมีการปริแตกของหลอดเลือดโป่งพองนั้นแล้ว จำเป็นต้องทำการอุดปิดรอยรั่วของหลอดเลือดโป่งพองนั้นไม่ให้เกิดเลือดออกซ้ำอีก สามารถทำได้โดยการรักษาทางหลอดเลือด และการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อหนีบเส้นเลือด

การรักษาทางหลอดเลือด (Endovascular therapy) วิธีนี้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ แต่จะสอดท่อขนาดเล็กเข้าไปทางหลอดเลือดแดง มักเป็นบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ และนำท่อไปถึงบริเวณหลอดเลือดที่โป่งพองในสมอง โดยจะมีอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดเพื่อหยุดเลือดออกและลดความเสี่ยงในการแตกของหลอดเลือดที่โป่งพอง หรือเป็นการใส่ท่อตาข่ายเข้าไปเพื่อให้เลือดมีการไหลเวียนผ่านท่อตาข่ายนี้แทนที่จะผ่านหลอดเลือดที่โป่งพอง โดยแพทย์จะแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายก่อนการผ่าตัด วิธีนี้มีระยะเวลาในการฟื้นตัวสำหรับผู้ที่มีการแตกของหลอดเลือดอยู่ที่หลายสัปดาห์จนถึงเป็นเดือนเช่นเดียวกัน แต่ในผู้ที่ยังไม่มีการแตกของหลอดเลือดที่โป่งพองผู้ป่วยอาจฟื้นตัวได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่อาจมีความเสี่ยงในการกลับมาเลือดออกซ้ำได้มากกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อหนีบเส้นเลือด 

การผ่าตัดแบบเปิดเพื่อหนีบเส้นเลือด (Open surgical (microvascular) clipping) แพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะและใช้การหนีบเส้นเลือดเพื่อหยุดการไหลของเลือดเข้าไปในบริเวณที่มีเส้นเลือดโป่งพอง ระยะเวลาในการฟื้นตัวสำหรับผู้ที่มีการแตกของหลอดเลือดอยู่ที่หลายสัปดาห์จนถึงเป็นเดือน และการฟื้นตัวในผู้ที่ยังไม่มีการแตกของหลอดเลือดอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ วิธีนี้เป็นวิธีที่มีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำต่ำ