เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
การเสี่ยงโชคกับคนไทยเป็นอะไรที่ดูคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยงเล็ก เสี่ยงใหญ่ หรือการลุ้นโชคกล่องสุ่มต่างๆ ซึ่งบางคนก็เล่นเพื่อความสนุกสนานเป็นครั้งคราว แต่อีกหลายคนก็เล่นเกินสนุกแบบปลุกความหวังถึงขั้นรวยเพราะโชคเพราะดวงเลยก็มี โดยเฉพาะ "หวย" ที่มีให้ลุ้นกันทุกครึ่งเดือน (ชนิดที่กฎหมายอนุญาต) ยังไม่นับรวมการเสี่ยงโชคลุ้นรวยที่เห็นกันตามท้องตลาด หรือแม้กระทั่งในโลกออนไลน์
รู้จักกับ "โรคติดการพนัน"
อาการติดการพนัน เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวช ผู้ที่เป็นโรคนี้จะไม่สามารถบังคับตนเอง หรือต่อต้านต่อปัจจัยที่ทำให้เกิดความอยากเล่นการพนัน และจะสนใจหมกมุ่นอยู่กับการพนันเสียเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้มีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น อาการซึมเศร้า ดื่มสุรา และอาจรุนแรงถึงขั้นใช้สารเสพติด หรือจะเป็นปัญหาชีวิตในด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งการงาน การเรียน หรือชีวิตครอบครัว เป็นต้น
สาเหตุและปัจจัยของโรคติดการพนัน ไม่ใช่แค่คำว่า “ชอบเล่น” หรือ “เล่นเยอะ” แล้วจึงติดเท่านั้น เพราะถ้าหากเป็นคนชอบซื้อหวยทุกงวดแต่ไม่ได้เพิ่มปริมาณการซื้อให้มากขึ้น และไม่รู้สึกเศร้าเมื่อไม่ได้รางวัล กรณีนี้ถือว่าไม่ได้เป็นโรคติดพนัน ดังนั้น สาเหตุที่สามารถทำให้เกิดโรคนี้จึงมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่
สภาพแวดล้อม : การอยู่ในสถานที่เกี่ยวเนื่องกับการพนัน เช่น บ้านอยู่ใกล้บ่อนพนัน หรือแม้กระทั่งคนรอบตัวชอบเล่นการพนัน เช่น เพื่อนสนิทเล่นพนันบอล หรือคนในครอบครัวชอบเล่นหวยใต้ดิน เป็นต้น
สื่อยั่วยุ : จากการโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้เห็นเพียงแค่ประโยชน์ที่จะได้รับ โดยไม่ได้บอกข้อเสียของการเล่นพนัน หรือจะเป็นการวิเคราะห์เกมกีฬาที่ชี้ผลการแข่งขันทำให้ผู้ที่ดูหรือติดตามต้องการลองเสี่ยงโชค เป็นต้น
สารเคมีในสมอง : เกิดจากการแปรเปลี่ยนของปริมาณสารเคมีในสมอง 2 ชนิดคือ “สารโดปามีน” ที่ทำให้รู้สึกสนุกสนาน และตื่นเต้นมีปริมาณมากเกินไปควบคู่กับ “สารซีโรโทนิน” ที่เป็นส่วนช่วยความรู้สึกยับยั้งช่างใจเริ่มมีปริมาณลดลง
สาเหตุเหล่านี้จะนำพาไปสู่ภาวะขาดการยับยั้งตนเองต่อสิ่งเร้า หรือความยากในการเล่นการพนัน เมื่อเวลาผ่านไปตัวของเราจะยิ่งรู้สึกว่าการพนันเป็นสิ่งปกติ และมีความสนุกสนาน กว่าจะรู้ตัวอีกทีการพนันอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว
6 สัญญาณเตือนโรคติดการพนัน
"หวย" หนึ่งในโรคติดการพนัน
เรื่องศาสตร์ของตัวเลขเป็นศาสตร์ที่อยู่คู่คนไทยมานานนับศตวรรษ เพราะตัวเลขนั้นสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่วันเกิด บ้านเลขที่ ถึงขนาดมีการนำตัวเลขต่าง ๆ ไปใช้ในการดูฤกษ์ยาม รวมไปถึงการ “เล่นหวย” ที่กำลังเป็นที่นิยมของนักเสี่ยงโชคทั้งหลาย โดยจุดประสงค์หลักของการซื้อหวยของคนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน
วลีที่ว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” คงใช้ไม่ได้ในยุคสมัยนี้ เพราะไม่ว่าจะรวย หรือจนหากเสพติดการเล่นหวยจนกลายเป็นนิสัยย่อมส่งผลเสียตามมาได้ทั้งนั้น จากข้อมูลสถิติของ สสส. “การติดหวย” เป็นปัญหาติดการพนันในอันดับต้นๆ ของคนไทย โดยผู้มีความเสี่ยงจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน และยังพบว่าผู้ที่ติดการพนันมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2-5 เท่า
เลขเด็ด "พารวย" หรือ "พาซวย"
แม้หวยจะสามารถทำให้คนฐานะธรรมดากลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน คนจึงเกิดความคาดหวังว่าการซื้อหวย หรือซื้อลอตเตอรี่จะทำให้รวย และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่การถูกรางวัลที่ 1 มีโอกาสถูกจริงเพียงแค่ 1 ในล้าน ส่วนการถูก 2-3 ตัวบนล่างมีโอกาสถูกจริงเพียง 0.4-2% เท่านั้น
เมื่อซื้อหวยแล้วไม่ถูก บางคนอาจจะเลิกเล่น หรือเล่นให้น้อยลง แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่ติดการพนัน หรือผู้ที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคทั้งหลายจะมีพฤติกรรมตรงกันข้ามนั่นคือ ยิ่งไม่ถูกจะยิ่งเพิ่มจำนวนเงินในการพนันมากขึ้น และจะพยายามขวนขวายเลขเด็ดที่คิดว่าจะถูก ผลที่ตามมาไม่ใช่แค่เงินที่สูญเสียไป แต่ยังรวมไปถึงสภาพจิตใจที่เมื่อเราเกิดการหมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดการเสพติดจนไม่สามารถควบคุมการเล่นของตัวเองได้ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่างๆ ตามมา
เช่น มีปัญหาด้านการเงิน การเรียน การงาน การใช้ชีวิต และอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย ดังนั้นการพนัน เลขเด็ด และหวยจึงไม่ใช่สิ่งที่จะพาเราไปสู่ความร่ำรวย หรือการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่จะกลับกลายเป็นนำพาความซวยมาให้เราแทน
อาการแบบไหนเรียกว่า "ติดหวย"
โรคติดการพนันอาจจะเป็นโรคที่คนป่วยไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่เราสามารถทำแบบประเมินพฤติกรรมเพื่อทดสอบว่าเราเข้าข่ายเป็นโรคติดการพนันหรือไม่
โดยเริ่มจากการประเมินตนเองว่าในช่วง 1 ปี หรือ 12 เดือนที่ผ่านมา เรามีพฤติกรรม หรือความรู้สึกเช่นนี้หรือไม่ เมื่อทำเสร็จแล้วให้นำคะแนนของทุกข้อมารวมกัน โดยมีเกณฑ์คะแนนของคำตอบ ดังนี้
แบบทดสอบให้คะแนนตนเอง 9 ข้อ ดังนี้
1. เล่นพนันแต่ละครั้ง มักใช้เงินจำนวนมากหรือไม่
2. ต้องเพิ่มจำนวนเงินพนันเพื่อให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจหรือไม่
3. หวนกลับไปเล่นพนันอีก โดยหวังว่าจะนำเอาเงินที่เสียไปแล้วคืนมาหรือไม่
4. ต้องหยิบยืมเงิน หรือขายสิ่งของบางอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเล่นพนันหรือไม่
5. เคยรู้สึกว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการพนันหรือไม่
6. เกิดปัญหาสุขภาพทั้งทางกาย และทางใจ เช่น เครียด และกังวลจากการเล่นการพนันหรือไม่
7. มีคนบอกว่าคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการพนันหรือไม่ (โดยคุณอาจจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม)
8. การพนันทำให้คุณมีปัญหาการเงินหรือทรัพย์สินในบ้านหรือไม่
9. มีความรู้สึกผิดเกี่ยวกับการเล่นพนันของตนเอง หรือรู้สึกกลัวในสิ่งที่จะตามมาภายหลังหรือไม่
การแปลผล
0 คะแนน : คือไม่มีปัญหาการพนัน
1-2 คะแนน : ความเสี่ยงต่ำ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการพนันเล็กน้อย และไม่รุนแรง
3-7 คะแนน : ความเสี่ยงปานกลาง ควรลดการเล่นพนันลง
8 คะแนนขึ้นไป : ความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลิกเล่นพนัน
การรักษาโรคติดพนัน
หากไม่สามารถหักห้ามตนเองในการเล่นการพนันได้ และหนักขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าพบจิตแพทย์เนื่องจากอาจมีภาวะอันตรายแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือเสี่ยงคิดฆ่าตัวตาย อาจต้องเข้ารับการบำบัด ประกอบกับพึ่งกำลังใจจากบุคคลรอบข้างในการรักษาด้วย แต่ด้วยเนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่ได้ยอมรับว่าตนเองเป็นโรคติดกการพนัน การสังเกตจากคนรอบข้างจึงสำคัญ
การป้องกันโรคติดพนัน
โรคติดพนันนั้นสำคัญที่สิ่งเร้ากับตัวของเราเองหากเราเข้าใจในข้อเสีย และมีภูมิต้านทานมากพอในตนเอง การหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้จะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น